Tuesday, 18 September 2012

ภาพชีวิต..ข้อคิดสังคม


ตอนเช้าตรู่หากใครผ่านถนนสายนี้ในบริเวณไกล้มหาวิทยาลัยที่ meepole ทำงาน ซึ่งเป็นถนนเส้นหลัก ในช่วงไกล้ 7.00 น. การจราจรคับคั่งเพราะเป็นช่วงเวลาเข้าโรงเรียน ก็จะเห็นภาพนี้ เป็นประจำ..... ยายแก่ๆคนหนึ่ง เข็นรถเข็นที่มีถังพลาสติกเปล่า 2-3 ใบ ในถังมีเศษผ้าขี้ริ้ว บางครั้งจะมีผลไม้ติดมาด้วยเช่น กล้วย มะละกอ และหน้ารถจะมีเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่เด็กนักแต่งชุดนักเรียนนั่งเฉยๆอยู่ข้างหน้า ทราบว่าเรียนชั้นประถมปีที่ 6 ก็น่าจะอายุ 13-14 ปี แต่ตัวโต



ภาพนี้ถ่ายผ่านกระจกรถขณะรถแล่นอยู่เห็นปุ๊ปสะกิดใจมาก เลยไปจอดรอข้างหน้าเพื่อเก็บภาพจึงได้ภาพบน ปรากฎว่ายายไม่เลี้ยวเข้าซอย กลับเข็นรถเข็นเลยไปทางถนนสายหลัก แต่เป็นทางชันขึ้นเล็กน้อย และเป็นทางแยกไฟแดง ยายก็ต้องรีบเข็นกลัวไฟเขียว (ภาพล่าง)



ภาพล่าง ยายเข็นถึงทางเข้าโรงเรียนด้านหน้า วางพักรถเข็นเพื่อให้หลานชายตัวโตลง ยายนั่งพักเหนื่อย หลานสะพายกระเป๋าแล้วเดินเข้าโรงเรียนเลย ไม่มีการแสดงความขอบคุณหรือยกมือไหว้ยาย


 
 
เมื่อหลานเดินเข้าโรงเรียนแล้วยายนั่งพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นจัดของ ที่ไม่มีอะไรนอกจากเลื่อนกล้วยเครือนั้น meepole ก็เดินลงไปทักทายและถามยายว่ากล้วยนั้นขายไหม จริงๆแล้วไม่ตั้งใจว่าจะได้กล้วยนั้นเพราะไม่ค่อยทานกล้วยนี้ ชอบกล้วยเล็บมือนาง แต่สงสารยาย ยายน่ารัก ถามกลับว่าจะเอาเหรอ meepole บอกเอาจ๊ะ ยายบอกว่าเดี๋ยวเอาหวีอื่นนะสวย กว่านี้แล้วก็หยิบกล้วยหวีที่ meepole มองไม่เห็นจากหลังถังมาให้ meepole ก็ถามว่ากี่บาทยาย ยายตอบคำที่ให้ความรู้สึกโดนใจมากว่า "ยายไม่ได้ซื้อมา ตัดมาจากต้นหลังวัด" meepole บอกว่าไม่เป็นไรยายคิดมาก็แล้วกัน ยายบอกว่าขายถูกๆนะ 10 บาทก็พอ meepole ให้ยายไป 20 บอกไม่ต้องทอน แล้วคุยถามยายว่าทำไมยายไม่ให้หลานช่วยเข็นรถ เพราะเขาโตแล้ว ยายตอบแบบคนรักหลานบอกว่า "ให้เขานั่งถ่วงรถ"  เลยเป็นงงๆ ว่าทำไมต้องถ่วงเพราะไม่มีของหนักบนรถนอกจากหลานของยาย แต่คิดแล้วก็เฮ้อ! กรรมเป็นของใครก็ของคนนั้น ก็ไม่ซักถามอะไรต่อไป เพียงแต่เกิดความรู้สึกหลายอย่าง...แล้วถามว่ายายไปไหนต่อ ยายตอบว่าไปรับจ้างเขาเช็ดล้าง แล้วแต่เขาจ้าง เลยไม่สงสัยว่าทำไมยายต้องมีถังและผ้าขี้ริ้ว



แต่สิ่งแรกที่เข้ามาในใจคือ นี่คือความรักหลานหรือทำร้ายหลานกันแน่ แม้ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ...โรงเรียน คุณครูเคยสอนเด็กให้มีสำนึก ช่วยเหลือผู้สูงอายุ มีน้ำใจ มีสัมมาคารวะ หรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่ครูในโรงเรียนจะไม่เคยเห็นภาพนี้ เพราะปัจจุบันนี้ครูต้องมายืนตอนเช้ารับเด็กแถวหน้าโรงเรียน  meepole มองว่าการศึกษากำลังสอนอะไร หรือไม่ได้สอนอะไรอะไร   ทำให้เด็กสามารถนั่งรถให้ยายเข็นได้อย่างไม่รู้สึกอะไรหรือสงสารเห็นใจยายที่สูงวัยแล้ว เพราะวันถัดมา meepole ติดตามดูอีก มาทันเห็นภาพสะเทือนใจอีก เพราะเห็นยายนั่งพักที่ข้างฟุตบาทก่อนถึงทางแยกและหลานชายก็นั่งแถวนั้น เลยรู้เพิ่มว่ายายมีการนั่งพักเหนื่อยระหว่างทาง เราขับรถเลยเข้ามหาวิทยาลัยก่อน แล้วรีบออกมา วันนี้ยายเข็นรถเข้ามาถนนซอยเข้าด้านข้างของโรงเรียน เพราะตอนนั้นทางตรงไฟเขียวรถเลี้ยว และตรงออกไปตลอด ยายจึงเลี้ยวแทนที่จะตรง meepole กลับออกมาเห็น เลยจอดต่อคิวเพราะรถติดยาว ก็ทันเห็นยายกำลังออกแรงเข็นจนหลังแอ่นสุดแขน เพราะทางถนนด้านข้างโรงเรียนนี้เป็นทางชันขึ้น เลยเข็นหนัก meepole เห็นเด็กชายคนนั้นนั่งหน้ารถหน้านิ่วคิ้วขมวด ปากพูดอะไรขมุบขมิบเหมือนดุอะไรยาย แต่ที่รับไม่ได้คือทำไมเขาไม่ลงมาจากรถแล้วช่วยยายเข็น หรือถ้าไม่ช่วยก็แค่ลงจากรถให้รถเข็นเบาก็พอ

นี่เป็นแค่ภาพสะท้อนของครอบครัวหนึ่ง ที่พยายามจะให้ความสบายกับหลาน คนมีเงินมีรถจักรยานยนต์ รถยนต์ หรือนั่งรถประจำทางว่ากันตามกำลังมาส่ง คนจนก็อยากให้ลูกหลานสบายเข็นรถให้นั่ง ถ้าเป็นเด็กเล็ก เด็กอนุบาลก็เข้าใจ..แต่นี่เด็กโตพอที่สามารถช่วยพ่อแม่ทำงานได้แล้ว ช่วยดูแลยายได้แล้ว ....หากโรงเรียน คุณครูช่วยเอาใจใส่อบรมสอนเด็กให้มีสำนึก รู้จักการมีน้ำใจ มีความรักเอื้ออาทร ภาพนี้ก็คงไม่น่าจะเห็น...

สังคมเราปัจจุบันไม่ว่ารวยจน ไม่ค่อยมีเวลาอบรมสั่งสอนลูก แต่ให้เพื่อน ให้คอมพิวเตอร์เกม ให้สังคมเทียมในเฟสบุ๊คช่วยเลี้ยงลูกหลาน จนตอนนี้ความสัมพันธ์เยื่อใยในครอบครัวที่มีต่อกันลดน้อยลง หรือแทบไม่มีเลย  ..ในบางครอบครัว ทุกคนต่างคนต่างอยู่ทำมาหากิน บ้างก็อ้างหาเงินให้ลูก จนไม่มีเวลาของครอบครัว กว่าจะรู้ว่าครอบครัวไม่เหลือเยื่อใยกันแล้ว จิตกระด้างไปหมด สายเสียแล้วที่จะมีความรู้สึกอบอุ่น เข้าใจกัน จึงมีข่าวลูกทำร้ายบุพการี บุพการีทำร้ายลูกหลาน ให้เห็นตามข่าวแล้วก็เศร้า โทษใครได้นอกจากคนในครอบครัวที่รักเป็นพิษ รักลูกผิดทาง รักตัวเอง แล้วอ้างทำเพื่อลูก สะสมเงินจนลืมสะสมรักและความอบอุ่นที่ต้องมีให้กัน สุดท้ายสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในวิถีที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นอันต้องพบจุดจบที่ไม่พึงประสงค์ หรือพบทุกข์ในที่สุด

มาเพิ่มเติมเพราะมีอจ.น้องในมหาวิทยาลัยมาถามข่าวว่า ยายคนนั้นยังอยู่ไหม..ตอนนั้นไม่เห็นยายมาเป็นเวลานานมากหลายเดือนทีเดียว จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบังเอิญใช้เส้นทางลัดข้างวัดเพื่อเข้าไปยังมหาวิทยาลัยอีกแห่ง เห็นยายมากับหลาน ดีใจทียังแข็งแรง เพราะเห็นยายก้มหลังโค้งเข็นรถเอง หลานชายเดินตัวตรงสูงสง่า ข้างๆยาย แต่ไม่ใส่ชุดนักเรียน อาจจะไม่ได้เรียนแล้ว หวังว่าวันหนึ่งคงจะได้เจออีกและเห็นหลานช่วยยายเข็นรถ หรือเข็นรถให้ยายได้นั่งพักบ้าง.....15 Nov