Sunday 30 October 2011

น้ำท่วม :อาหารไม่บูดทำอย่างไร

meepole เขียนเรื่องนี้ในบล็อก บ้านปลอดพิษ ชีวิตมีธรรม แต่ต้องการให้ช่วยบอกต่อๆ เพราะมีข่าวอาหารบริจาคบูดเสีย คนกินไม่ได้ เพื่อให้ความตั้งใจดีของผู้บริจาคได้บรรลุวัตถุประสงค์ เกิดอานิสงค์ครบถ้วนจึงขอเอามาลงข้ามบล็อก ในบล็อกนี้ในยามที่ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เผื่อมีใครมีช่องทาง บอกต่อ ก่อบุญได้



วันนี้ดูข่าวช่อง 3 ที่ร่วมกับนายตัน ที่คิดว่าเขาตั้งใจดี มีจุดประสงค์ดี แต่อาจไม่น่าจะเกิดผลเท่าใดนัก คือการเอาอาหารกล่อง อาหารสดที่ปรุงเสร็จที่คนมาบริจาค ใส่ตู้แช่แข็งที่ -5 C เพื่อให้อาหารเสียช้า เพราะที่ผ่านมาอาหารมักจะเสีย บูดเมื่อถึงมือผู้บริโภค เป็นความตั้งใจดี แต่อยากให้เขาทดลองเอาอาหาร (ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ฯ) ที่แช่แข็งแล้วนั้นออกมาตั้งให้คลายเย็นว่า ใช้เวลาเท่าใดจึงคลายเย็นหมด และเมื่อคลายแล้วหากไม่มีไฟฟ้า หรือแก๊สหุงต้มสำหรับอุ่นแล้ว อาหารเหล่านั้นทานได้ปกติหรือไม่ ขอให้สังเกตเม็ดข้าวดูให้ดี เพราะ meepole เคยทดลองมาแล้ว เคยทำมาแล้วตอนเรียนที่ตปท. (วิธีแช่แข็งจะเหมาะสำหรับการเก็บไว้นานๆ) อยากให้มีการบอกเสนอไปยังช่อง 3 ก่อนที่จะทำมากกว่านี้ หากเป็นการส่งไปที่ๆมีไฟฟ้าใช้ก็ย่อมได้ เพราะเข้า microwave หรืออุ่นได้

จริงๆวิธีการถนอมอาหารให้ยาวเป็นวันโดยไม่บูดก็มีวิธีต่างๆ meepole ขอเสนอความคิดดังนี้
(ทุกข้อมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น)
  • หุงข้าวสวยใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย (ไม่ให้เปรี้ยวนะ) ข้าวจะบูดช้า
  • หุงข้าวให้ค่อนข้างแห้งไม่แฉะหรือเปียกมาก
  • อย่าพยายามใช้ข้าวที่เคลือบสมุนไพรต่างๆ โดยเฉพาะ อัญชัญ ฯ
  • ตักข้าวใส่กล่องโฟมหรือถุงพลาสติกตอนอาหารเย็นลงแล้ว (ปิดคลุมภาชนะระหว่างรอ) เพื่อลดไอน้ำในกล่องหรือถุงลง
  • กับข้าวที่ปรุงให้พยายามใส่เครื่องเทศ เช่นกระเพรา โหระพา ขมิ้น พริกไทย แต่ต้องผัดให้สุก เน้นต้องให้สุก ผัดผักทุกอย่างต้องสุก อย่าแบบครึ่งสุกครึ่งดิบ หรือไม่ก็ไม่ใส่ผัก โดยเฉพาะเห็ดไม่ควรใส่
  • งดกะทิเลย งานนี้
  • ข้าวผัดก็อย่าผัดแฉะ ผักทุกอย่างที่ใส่ต้องผัดให้สุก
  • หากเป็นข้าวหมูแดงไม่ต้องหั่นหมูเป็นชิ้นๆ ให้หั่นชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวเท่าที่จะให้ เพื่อลดการ contaminate ลง แตงไม่ต้องใส่
  • ช่วงนี้หากทำเนื้อสัตว์ผัดเค็มแห้งๆใส่พริกไทย เนื้อสัตว์ผัดซี่อิ้ว เกลือ  ดีที่สุด (อย่าให้แฉะมาก) แยกใส่ถุงต่างหาก อย่าราดหน้าอะไรให้ข้าวแฉะ
  • ช่วงนี้ผักสดไม่ต้องแนบไป ภาวะเช่นนี้ไม่ต้องครบเครื่องเอาแบบที่ได้ทานดีกว่า
อ่านแล้ว อย่าลืม บอกต่อ ก่อบุญ นะคะ

Saturday 29 October 2011

น้ำท่วม: บทเรียนชีวิตจริง

ทหารไทย รั้วของชาติ คนของแผ่นดิน


ตอนนี้กรุงเทพก็แย่มาก น้ำท่วมแผ่กระจายไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำเขามีชีวิต ยกพลขึ้นบก โจมตีบุกไปเรื่อยๆ เสมือนหนึ่งโกรธแค้นคนมานาน ที่ไม่เกรงใจไปรังแกเขา ไปบุกรุกที่ๆเขาเคยอยู่ ไปถมที่ๆเขาเคยพัก ไปขวางเส้นทางที่เขาเคยจร สร้างเป็นโรงงาน เป็นหมู่บ้าน ถมเป็นที่รอขายมากมาย และที่ร้ยกว่านั้นคนไปรังแก ทำลายเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของน้ำคือ ต้นไม้ ไปตัดไม้ทำลายป่า น้ำขาดผู้โอบอุ้ม ขาดความอบอุ่น จึงไม่มีใครจะเหนี่ยวรั้งเขาได้ เลยเข้าโจมตี แสดงพลัง จากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่งบุกไปเรื่อยๆ แม้เจอที่กีดขวางหลายสิ่งก็ไม่ย่อท้อ ทัพหน้าตะลุย ทัพหลังตลบหนุนมาเรื่อยๆ เจอด่านหลายด่านที่คนทำไว้ดักน้ำ ที่ล้วนผ่านกาลเวลาที่ผ่านมานาน ไม่เคยตรวจตรา บำรุงดูแล ไม่รู้ว่าชำรุดหรือไม่ ไม่สำรวจว่าแข็งแรงหรือไม่ อยู่ด้วยความประมาท น้ำผู้ทรงพลังเย็นแต่แต่ไม่เฉื่อย และสามัคคีรวมพล สั่งงานประสานสามัคคี

เมื่อเข้ากรุงจึงกระจาย แบ่งสายออกไปทั่ว ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ ตอนนี้คนหลายฝ่ายต่างก็ออกมาทำหน้าที่ปกป้องในทุกรูปแบบ ตามแต่บทบาท หน้าที่ที่รับผิดชอบ และอีกหลายฝ่ายก็ได้โอกาสที่ดีที่จะใช้โอกาสวิกฤตนี้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่งดงามในการช่วยเหลือกัน ตามแต่โอกาสและก็ได้แต่หวังว่าเมื่อเขาท่องเที่ยวกวาดล้างจนพอแล้ว เขาจะกลับไปยังที่ๆเขามาอีกครั้ง พร้อมกับเหลือร่องรอย และบทเรียนอีกมากมายทิ้งไว้ให้ศึกษา ทิ้งปัญหาให้ต้องแก้ไข ปรับปรุง จัดการ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนจะได้เรียนรู้อะไรจากบทเรียนครั้งนี้บ้าง

หากเราไม่โทษน้ำ ไม่โกรธน้ำ เราจะเห็นจุดบกพร่อง และความผิดที่เราไปเบียดเบียนเขามานานแสนนาน เขาได้พยายามส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่ใส่ใจ คิดว่าคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสมองและจัดการทุกอย่างได้ ไม่ยำเกรงธรรมชาติคิดประมาทว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้

ดังนั้นบทเรียนชีวิตครั้งนี้ หวังว่าคงไม่คำนึงเพียงแค่การคำนวณออกมาเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียเพียงอย่างเดียว เพราะหากเรายังมองสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของมูลค่าตัวเงิน ก็หมายความว่าเรายังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

Thursday 27 October 2011

น้ำท่วม: ด่างทับทิม อย่าเข้าใจผิด อันตราย


เมื่อเช้านี้ได้ดูข่าวของ TV ช่อง PBS ที่มีการเชิญหลายๆคนที่มีประสบการณ์ด้านต่างๆออกมาให้ความรู้ เป็นรายการที่ดี ที่ meepole ได้โอกาสเรียนรู้หลายๆเรื่อง ดังนั้นไม่ว่าโทรทัศน์ช่องใด ใครเชิญใครมาให้ความรู้ก็จะดูและฟังเรียนร่วมรู้ไปด้วย และเชื่อว่ามีคนส่วนมากก็ติดตามเรียนรู้เช่นกัน  ดังนั้นการเสนอหรือแนะอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือที่ทำให้ เข้าใจผิด เป็นดาบสองคมที่อันตรายมากในตอนนี้ ที่คนกำลังตื่นกลัว กังวล บอกอะไรเขาก็ทำตามหมด

แต่เช้านี้มีการเชิญอาจารย์ท่านหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มาพูดเรื่องน้ำดื่ม หลายอย่างที่พูดแปลกๆ แม้จะไม่ถูกต้องบ้างก็ไม่ serious ฟังไปเรื่อยๆแล้วก็บอกคนที่บ้านเราเองว่าตรงนี้ไม่ไช่ ตรงนี้ไม่ถูก ที่ถูกเป็นอย่างไร กลัวเข้าใจผิด พอดีมีแม่บ้านโทรเข้าในรายการ ถามเรื่องด่างทับทิม ที่เขามีอยู่ว่าจะใช้ฆ่าเชื้อได้ไหม ใช้อย่างไร  ใช้แค่ไหนจึงพอ เพราะเธอไม่มีคลอรีน  อาจารย์ท่านนี้อธิบายว่าใส่  2 หยด เธอก็บอกว่าด่างทับทิมเธอเป็นผง (จริงๆเป็นผลึก) ดร.ท่านนี้บอกว่าให้เอาไปละลายน้ำก่อนใช้ แล้วเก็บไว้ เวลาใช้ก็บีบใส่ 2 หยด  (ตรงนี้ไม่ถูกนักค่ะ)  และมาถึงตรงนี้พิธีกรถามว่าแล้วใช้น้ำยาอุทัยที่เป็นสีชมพูแบบนั้นจะเหมือนกันไหม ได้ไหม  ตอนนี้ดร.ท่านนี้บอกว่าเหมือนกัน หรือว่าไช่ ?? และจากนั้นพิธีกรถามในลักษณะที่มีคำตอบที่ทำให้เข้าใจว่าน้ำยาอุทัยกับเจ้าด่างทับทิมที่ละลายน้ำแล้วเป็นสีชมพูนั้นมีผลฆ่าเชื้อได้ และอาจเข้าใจผิดคิดต่อได้ว่ามันคือส่วนผสมที่คล้ายกัน (หากใครสามารถ replay เทปนี้ให้ลองเปิดดูและฟังใหม่)  ตรงนี้ ทำให้ เรารู้สึก serious เพราะความเข้าใจผิดตรงนี้ มีผลต่อสุขภาพและถึงแก่ชีวิตได้
จึงต้องเขียนหัวข้อนี้ น้ำท่วม :อันตราย อย่าเข้าใจผิด อุทัยทิพย์ ไม่ไช่ด่างทับทิม  ขึ้นมาเพื่อใครที่ได้ฟัง และเข้าใจผิดจะได้เข้าใจใหม่และอยากให้บอกต่อๆให้เข้าใจด้วย ว่าด่างทับทิม ไม่ใช่น้ำยาอุทัยทิพย์ และน้ำยาอุทัยทิพย์ไม่มีส่วนผสมของด่างทับทิม แม้ว่าจะมีสีชมพูอมม่วงเมื่อใส่ในน้ำ และวัตถุประสงค์การใส่ และคุณสมบัติของ2 สิ่งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง  ใครช่วยบอกต่อด้วยนะคะ (meepole ไม่ได้ใช้ facebook ค่ะ)
อ่านรายละเอียด น้ำท่วม :อันตราย อย่าเข้าใจผิด อุทัยทิพย์ ไม่ไช่ด่างทับทิม
 ที่ http://meepole.blogspot.com/  และ

น้ำท่วม : ด่างทับทิมใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

ที่ http://meepole.blogspot.com/2011/10/blog-post_28.html

 

Monday 24 October 2011

น้ำท่วม น้ำคำ น้ำใจ..บอกต่อๆ


meepole สองสามวันนี้ฟังข่าวแล้ว หลายเรื่องเห็นใจคนที่มีน้ำใจพยายามช่วยเหลือส่วนรวม แต่โดนคำพูดที่สามารถบั่นทอนกำลังใจในยามเหนื่อย สิ่งที่คนอยู่ไกลสามารถทำได้ตือ การให้กำลังใจอย่างเต็มที่ เลยไปเขียนไว้ที่นี่http://meepolen.blogspot.com/ แต่อยากให้คนมาอ่านได้บอกต่อ ให้กำลังใจต่อๆกัน จึงขอนำมาลงซ้ำที่นี่ คงไม่ว่ากัน เราช่วยอะไรได้ก็ทำกันแม้กระทั่งช่วยกัน
 ให้กำลังใจคนดี ให้เขามั่นคง ทำดีต่อไป

เช้านี้ดูข่าวช่อง 3 มีนักข่าวถามผู้ที่จะอพยพออกจากศูนย์ช่วยเหลือของธรรมศาสตร์ที่เคยช่วยพวกเขาไว้เมื่อหลายวันมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ธรรมศาสตร์ถูกน้ำท่วม ถูกตัดไฟ เดือดร้อนเหมือนที่อื่นๆแล้ว สิ่งที่เขาได้มีน้ำใจช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ การอำนวยความสะดวกต่างๆลดลง การอพยพที่มากขึ้นทำให้แออัดไม่สบายเหมือนก่อน และความสบายกำลังหมดไปเพราะถูกตัดไฟเพื่อความปลอดภัยเช่นกัน ทุกคนที่เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือที่ไปๆมาๆก็เหนื่อยล้า และการเดินทางมาก็ลำบากแล้ว

ในศูนย์ช่วยเหลือมีผู้อพยพมาพึ่งเกือบ 4000 คน  นี่คือคำพูดส่วนหนึ่งที่คนอพยพกลุ่มนี้ตอบนักข่าว " อยู่ไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องอพยพขึ้นชั้นบน ไปรวมกันกับที่มีอยู่เดิม  เขาปิดแอร์ แอร์ก็ไม่มี ร้อนมาก เด็กจะแก้ผ้านอนอยู่แล้ว เขาร้อน ชัก พัดจนเหนื่อยทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก อาหารเพิ่งได้กินมื้อเดียว ร้อนมาก ญาติที่เป็นมะเร็งลำไส้ทรมาณ เขาจะช่วยย้ายไปรักษาที่โคราช ก็ไม่ไปเพราะเขาให้ไปคนเดียว ตอนนี้ลำบากมาก ต้องเดินออกมา ทหารไม่มาส่ง ....." น่าสงสารน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ความเหน็ดเหนื่อย ความกังวลในเรื่องของตัวเอง การที่ตัวเองและญาติเดือดร้อน การที่ตัวเองและญาติไม่ได้รับความสะดวก การที่ญาติและตัวเองยังไม่ได้รับการบริการที่เร่งด่วน ...meepole ก็ดูด้วยความอึดอัด โชคดีมากที่ผู้สื่อข่าวที่กำลังสัมภาษณ์มีความคิด ไม่ไช่หุ่นยนต์หาข่าว จึงได้ตอบเขาไปทันทีที่เขาพูดว่าว่า "เขาปิดแอร์ แอร์ก็ไม่มี ร้อนมาก" ว่า  ไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยเขาถูกตัด เป็นการเตือนสติเขาได้บ้าง ว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้ปิดแอร์ เขาบริการเปิดให้มาโดยตลอด (24 ชั่วโมง) แต่ตอนนี้จำเป็นน้ำท่วม หากไม่ปิดไฟ ใครถูกช็อตตายไป ก็ถูกตำหนิอีก โดนทั้งขึ้นล่อง


 ....ตัดมาที่ห้องข่าว คุณสรยุทธ์ก็ช่วยแก้ให้ทหารทันทีเช่นกันว่า  ผมขออธิบายที่พูดว่า "ทหารไม่มาส่ง" ว่า "ผมอยู่และเห็นการทำงานของทหารที่นั่น เขาเหนื่อยกันมากในการพยายามทำงานเพื่อช่วยส่วนรวม ทำสะพานหลายจุดเพื่อให้พวกเขาได้เดินข้ามออกมา ทหารมาทำงานตั้งแต่ตี 5 และเร่งทำงานกันทั้งวันทั้งคืน เพื่อทำในสิ่งที่รองรับส่วนรวมที่กำลังเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน" meepole ฟังแล้วโดนใจ เป็นสิ่งที่อยากบอกหลายๆคนที่เดือดร้อนเช่นกันว่าตอนนี้ทุกคนต้องพยายามมองอะไรให้ออกไปไกลตัวหน่อย เพราะทุกคนพยายามในสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือกัน แต่ตัวเองต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเท่าที่ทำได้และไม่ต้องกล่าวโทษใคร เพราะการคาดหวังจะรับอย่างเดียวตลอดเวลาจากเหตุการณ์ที่ส่วนรวมมากมายเดือดร้อนให้ทันใจถูกใจทุกคนย่อมเป็นไปไม่ได้ ต้องเข้าใจกัน (กรณีนี้ไม่ขอใช้คำว่า "ให้อภัยกัน" เพราะอาสาสมัคร ทหาร หรือคนที่มาช่วยเหลือ บางครั้งการที่พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือคนใดคนหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้นไม่ผิด เพราะพวกเขาก็มีภาระเร่งด่วนที่จะต้องช่วยทำภาระกิจเรื่องด่วน เรื่องใหญ่ ฉุกเฉินกว่า) ดังนั้นในภาวะเช่นนี้ หากพอดูแลตัวเองได้ต้องทำ และไม่ควรกล่าวโทษใคร ให้เกิดการเข้าใจผิด หรือบั่นทอนกัน คิดดี คิดให้ถูกก็ลดทุกข์ คนอื่นอีกมากมายที่เดือดร้อนกว่ายังมี

หลังจากนั้นรองอธิการ มธ.คนหนึ่งก็ออกมาพูดตอนหนึ่งถูกใจมากว่า " เราที่นี่เป็นศูนย์ช่วยเหลือ ไม่ไช่ที่กักกัน ดังนั้นตอนนี้เมื่อไม่สะดวกแล้ว แอร์ไม่สามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมงเหมือนที่ผ่านมาน้ำประปาที่ต้องปั้ม  เครื่องปั๊มไม่สามารถทำงานได้เพราะน้ำท่วม (ปั๊มก็คงทำงานหนักมากในช่วงนี้) ดังนั้นใครจะย้ายออกไปก็สามารถไปได้ตลอดเวลา... และตอนนี้อาสาสมัดรของเราก็มีน้อยลงเพราะเหนื่อยล้า แม่ครัวก็กลับกันหลายคน ทำกันมาหลายวัน  และเดินทางมาลำบากแล้ว ....." พร้อมกับประกาศหาอาสาสมัครมาช่วยซึ่งต้องการอีก 400 คน

อยากให้ผู้ติดตามข่าวแต่ละข่าว รู้จักแยกแยะระหว่างคำพูดของคนที่ต้องการจะรอรับความช่วยเหลือและไม่ได้ดั่งใจ กับผู้ที่พยายามที่จะเร่งและทำงานช่วยเหลือ ที่ไม่ได้ช่วยเพียงจุดเดียว เรื่องเดียว ที่ทำไม่ได้ดั่งใจ ทันใจ คนรอคอย รอรับความช่วยเหลือ ที่มีมากมาย

และสิ่งที่ meepole อึดอัดใจ ก็มีคนมาช่วยให้ความยุติธรรมกับพวกเขา รั้วของชาติ ด้วยข่าวและภาพนี้

"คำขอบคุณและแรงใจ มอบให้ทหารช่วยน้ำท่วม"


หากใครดูแล้วเข้าใจพวกเขา ขอบคุณพวกเขา (ทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือ) ที่ทำดีที่สุดแล้ว ก็อยากให้ช่วยบอกต่อๆกัน การได้สรรเสริญและเผยแพร่ความดี ของคนทำดี  น้ำท่วมบ้าน อย่าให้น้ำท่วมใจ อย่าให้น้ำท่วมปาก ช่วยกันยกย่องคนทำดี อย่าให้มีการบั่นทอนกันด้วยน้ำคำในภาวะวิกฤตเลย ก็เกิดกุศลและเป็นสิ่งที่เราช่วยกันได้ในขณะนี้ค่ะ

Saturday 22 October 2011

น้ำท่วม: สุขท่ามกลางความลำบาก


ในเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ หรือภัยใดก็ตามที่เกิดขึ้นต่อคนหมู่มาก หลายคนพยายามช่วยเหลือตัวเองแล้ว ก็ลดทุกข์ลง การรอคอยความหวัง การรอให้คนอื่นช่วย การรอรับอย่างเดียวทำให้ทุกข์ เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ทุกข์และเครียด

ดังนั้นหากลุกขึ้นมาสู้ชีวิตในท่ามกลางเหตุสุดวิสัยด้วยการพึ่งตัวเอง และยิ่งสามารถเป็นที่พึ่งแก่คนที่ลำบากกว่าได้ด้วยแล้ว ชีวิตในท่ามกลางความยากลำบากนั้นจะไม่เครียด ลดทุกข์และยังเกิดสุขอีกด้วย
ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า
 ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน; อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ.


ดังนั้นในหลายๆเหตุการณ์ หากเราตั้งสติได้ มีสัมปชัญญะ และเมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์ เราจะสามารถเอาตัวให้รอดปลอดภัย และยังช่วยเหลือเป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่นได้อีก ก็เกิดสุขท่ามกลางความลำบากได้

Tuesday 18 October 2011

เลิกความอยากลอง เพื่อลดบาปกรรมกันเถอะ



เมื่อเช้าเข้าไปอ่านในสังคม social network สังคมความรู้ แห่งหนึ่งเจอหัวเรื่องที่มีคนเขียนไว้ ว่า

เนื้อจระเข้   อร่อยจริงๆค่ะ ตอนที่เห็นหัวข้อนี้ นึกว่าล้อเล่น เลยลองเข้าไปอ่าน ปรากฏว่าเป็นจริง มีการขายเนื้อจระเข้ปิ้งเสียบไม้ มีการโชว์หัวจระเข้ที่ถูกตัดมาด้วยเพื่อยืนยันว่าเป็นของจริง
แปลกใจหลายประเด็น หลายมุมมองเกิดขึ้นในใจ และก็คิดว่าเป็นเรื่องนาๆจิตตัง บางคนอ่านแล้วไม่คิดอะไร  ได้ประสบการณ์แล้วก็จบ บางคนก็คงคิดว่าถ้าได้ไปที่นั่นก็คงลองหากินดู เพราะคนเขียนบอกว่าอร่อย โชว์ให้ดูด้วย (ไม่ขอบอกว่าสถานที่ไหนเพราะไม่สนับสนุน)  และคงมีบางคนที่รู้สึกเหมือน meepole คือเศร้าใจ ทั้งเรื่องของจระเข้ และคน meepole ยิ่งเห็นเอารูปหัวจระเข้ที่ถูกตัดห่อพลาสติกมาตั้งก็ยิ่งเศร้าใจ

เมื่อจำความได้ตอนเป็นเด็ก ทุกคนกินอาหารตามคนในครอบครัว เขาทำอะไรให้ก็กิน เมื่อโตขึ้นก็รู้จักเลือกซื้อหาของที่ชอบ เมื่อวัยทำงานมีเงินมากขึ้นเริ่มซื้อหาของที่ชอบ ของที่คนอื่นบอกว่าอร่อยมาลอง เมื่อสังคมกว้างขึ้นอีกก็เจอคนมากมายเพื่อนฝูงจากที่ต่างๆบางคนก็อยู่ในกลุ่มกินเหล้ากินเบียร์ ก็เริ่มกินกับแกล้มมากกว่าอาหารหลัก และแน่นอนมีสารพัดให้เลือก บางคนนิยมเนื้อแห้ง เนื้อสัตว์แดดเดียว และก็สารพัดสัตว์ป่าเก้ง กวาง ฯ จำไม่ได้หมดเพราะไม่คิดจะจำแต่เคยเห็นเขียนไว้ตามหน้าร้านอาหารป่า  บางคนเข้ากลุ่มชอบลาบ ก้อย สารพัดผัดเผ็ดกระทั่งเต่าผัดเผ็ด เข้าใจว่าคนมักจะคิดว่าสัตว์เกือบทุกชนิด จริงๆก็ทุกชนิดเป็นอาหารของมนุษย์  ที่เขาบอกไว้ว่า หมู หมา กา ไก่ กินได้ทั้งนั้น  แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยมียกเว้นกัน เพราะหากมีโอกาสลองกินได้ทำไมจะไม่ลองล่ะ ! (ทำไมไม่คิดบ้างนะว่ามีโอกาสละได้ ทำไมไม่ละ) ดังนั้นเราจึงเห็น ได้ยินเป็นเรื่องปกติในยุคนี้ที่ทำฟาร์มจระเข้กินเนื้อ ได้หนัง  ฟาร์มนกกระจอกเทศ   กวาง และอื่นๆอีกมาก

สิ่งที่เขียนต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ทบทวนแล้วไม่เสียหายและอาจช่วยการลดกรรมได้จึงเขียน แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเชื่อ ขอให้พิจารณาตามความสะดวก สบายใจของแต่ละคนที่เข้ามา หากเกิดประโยชน์กรุณานำไปบอกคนที่ท่านรักและรักท่านเถิด

meepole โชคดี ที่มีครูดี และอยู่ไกล้ชิดผู้ทรงศีล ไม่ว่าไปเรียนที่ไหน ไปอยู่ที่ใดก็จะหาผู้มีศีลธรรม ผู้ปฎิบัติเป็นกัลยาณมิตร เป็นผู้สนทนาด้วยเสมอ แม้จะจำเป็นการเฉพาะไม่ได้ว่าเรื่องไหนใครสอน ใครบอก แต่จะจำสิ่งดีๆ คำสอนเอาไว้เสมอเพื่อไว้เตือนสัมปชัญญะ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เคยมีผู้ใหญ่สอนแนะนำ meepole ไว้ว่า อย่าไปกินสัตว์ที่ไม่ใช่อาหารปกติของเรา อย่าก่อกรรม ติดหนี้ชีวิตมากขึ้น เบียดเบียนเขา ชีวิตก็ร้อน และไม่ควรไปชี้เลือกจะเอาปลาในบ่อ ในตู้ตัวไหนไปเผาหรือต้ม แน่นอนก็มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของ meepole ในขณะนั้น และคงในใจผู้อ่านเช่นกัน เช่นแล้วกินหมู วัว ไก่ เป็ด กุ้ง หอย ปู ปลาไม่บาปหรอกหรือ ? จริงๆก็บาป แม้ว่าเราจะบอกว่าเขาเกิดเป็นอาหารของเรา แต่ถ้าสัตว์พวกนั้นพูดได้เขาก็คงปฏิเสธ เพราะชีวิตทุกชีวิตย่อมมีค่าสำหรับเจ้าของชีวิตเสมอ ไม่มีสัตว์ใดอยากจะถูกฆ่า หากสิงห์โตมีมากมายในโลกแล้วลุกขึ้นมาพูดว่าคนเป็นอาหารของมัน เราก็คงไม่ยอม ขอขยายความว่าสัตว์ป่าอื่นๆที่นอกเหนือจากที่เรามีตามปกติที่กินแบบบ้านๆตอนเด็กๆแล้ว เราก็ไม่ควรไปขวนขวายหามากิน เช่น เต่า ตะพาบ กวาง เก้ง กะรอก สารพัดงู กิ้งก่า ตุ๊กแก บางชนิดก่อนที่คนจะได้กินถูกปรุงมาอย่างทรมาน ถลกหนังตอนยังเป็นๆ ฯ สารพัดทรมาน ทุกชีวิตดิ้นรนเพื่อรอดชีวิต หากเราเพียงคิดจะไม่กินมัน อดใจ ไม่กินเขาเราไม่ตาย  ใครทำได้หรืออยากทำ ก็ค่อยๆเริ่มจากการลด จำกัดชีวิตที่เราจะกินเขา เช่นลดกินสัตว์บก (สามีเริ่มทำเช่นนี้ และตอนนี้เหลือแต่ปลาแล้ว และกำหนดมังสวิรัติมื้อเย็นหนึ่งมื้อ) ใครสะดวกประการใด เริ่มทำเถิด

ไม่ใช่ว่า meepole จะไม่เคยรู้สึกอยากลอง ก็เคยครั้งเดียวในชีวิตตอนชั้นมัธยมต้น ลองกินขากบทอด ที่เพื่อนก๋งสั่งมาให้กินในภัตตาคารที่กรุงเทพเพราะเห็นว่ามาจากบ้านนอก หยิบกินขาเดียวด้วยความอยากลองในวัยเด็กแล้วจำความรู้สึกได้อย่างเดียวว่า ไม่รู้ถึงรสชาดเพราะไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าทำไม  แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ถูกสอนเรื่องนี้ และก็ไม่กินอีก หลังจากนั้นแม้ได้มีโอกาสที่จะกินอาหารสัตว์แปลกๆก็ไม่คิดจะกิน หรือแม้แต่จะลอง เพราะไม่อยากจะเป็นหนี้ชีวิตพวกเขา  ลดกิเลสได้ก็ค่อยๆทำ ไม่อยากก่อ และต่อกรรม กระทั่งไม่ควรบอกต่อหรือแม้จะสนับสนุนเรื่องเช่นนี้ ต่อกรรมไปทำไม 

 อันนี้ใครจะคิดว่า meepole คิดมากไปเอง ก็น้อมรับเพราะคิดเช่นนั้นจริงๆ และคงไม่เปลี่ยนความคิด เพราะไม่เสียหายอะไรที่คิดเช่นนี้ (เพียงแต่อดกิน หุ หุ)

ที่เขียนนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะตำหนิใครทั้งสิ้น เพราะกรรมใครก็เป็นของผู้นั้น ทุกข์สุขย่อมเป็นของผู้ได้กระทำกรรม แต่การไม่รู้ ไม่คิดไม่ใช่เหตุละเว้นการเกิดกรรม ดังนั้น meepole จึงขอเขียนอีกมุมมองและถ่ายทอดสิ่งที่เคยได้รับการเตือนสติ สั่งสอนจากครูอาจารย์ และผู้ทรงศีล และคิดว่าหากมีประโยชน์เกิดกับท่านใดและนำไปเป็นแนวทางในการลด ละ เลิก เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้มากเท่าใด ก็จะบังเกิดกุศลต่อชีวิต จิตจะเป็นสุข เย็นสบายจริงๆค่ะ แล้วเราไม่ต้องวุ่นวายไปกับการแก้กรรมใดๆ เพียงแค่รู้จักละ ลดการก่อกรรมชีวิตก็เกิดสุข
ที่มาภาพ :all-magazine.com
thaimisc.pukpik.com   dhammathai.org

Saturday 15 October 2011

อย่าให้น้ำท่วมใจ ...งานนี้ขออย่ามีฮีโร่เลย

อย่าให้น้ำท่วมใจ ...งานนี้ขออย่ามีฮีโร่เลย



คุณค่าของคนเราไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่ได้รับ แต่ขึ้นกับสิ่งที่ได้ให้แก่คนอื่น  แต่ก็มีคนมากมายที่ให้แก่คนอื่น โดยหวังผลตอบแทนที่มากกว่า หวังตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง รางวัลดีเด่นด้านต่างๆ  ทุกอย่างที่ควรจะดีแท้ ก็เลยด่าง ทำเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ หากการประชาสัมพันธ์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นเป็นตัวอย่างจุดประกายของความคิดที่ดีให้คนอื่นทำดีตามก็ย่อมน่ายกย่อง น่าเลื่อมใสมาก  หากแต่หลายครั้งที่ทำเพื่อมุ่งเป้าหมายแฝงที่มากกว่านั้น  มุ่งการรับบริจาคก็คือเงิน เงินจำนวนมากมหาศาลที่เกิดจากจิตบุญของผู้มีจิตเมตตา มีความกรุณา กับจิตที่คิดอยากจะทำดี แต่เมื่อทรัพย์สิน เงินทองมากขึ้น หากผู้รับบริจาคจิตไม่มั่นคง เจตนาสั่นคลอน วัตถุประสงค์ก็อาจโอนเอน การกระทำที่ถ่ายทอดให้เห็นก็เป็นแบบหนึ่ง เบื้องหลังอีกแบบ เลือกปฎิบัติ สร้างภาพเพื่อเรียกศรัทธา สร้างสกู๊ปชีวิตเพื่อเรียกความสงสาร ความกรุณาเป็นส่วนดีของคนไทย แต่เป็นจุดอ่อนที่พวกหวังผลประโยชน์ใช้เป็นช่องทางเสมอมา

ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน เคยมีคำกล่าวว่า สงครามสร้างวีรบุรุษ ครั้งนี้วิกฤตน้ำท่วมท่ามกลางความสูญเสียของผู้คนมากมาย ทุกระดับตั้งแต่รากหญ้า จนถึงนักธุรกิจ ไม่ว่าทรัพย์สินของบางคนที่มีเพียงเตียง ตู้ แคร่นอน หมอนมุ้งเก่าๆ หรือหลายคนที่บ้านราคาหลักล้าน เฟอร์นิเจอร์เรือนแสน ความเสียใจ เศร้าใจมีเท่ากัน เสมอเหมือนกันหมด ธุรกิจหมื่นล้าน หรือแม้ค้าที่ตั้งเพิงเล็กๆขายของริมถนน  meepole ได้เห็นภาพน้ำตาของแม่ค้าสูงอายุ ค่อนข้างอ้วน นั่งยองๆข้างถนนตรงตำแหน่งที่เธอขายของใน จ.นครสวรรค์ เธอนั่งร้องไห้ข้างถนน ชี้ให้นักข่าวดูว่าของๆเธอที่ตั้งขายได้ลอยน้ำไปหมดแล้ว น้ำมาเร็วมาก และขณะนั้นเธอก็กำลังโทรศัพท์อยู่กับลูกเพราะเธอพูดว่า"หมดแล้วลูกๆๆ ของแม่ลอยน้ำไปหมดแล้ว เก็บไม่ทัน" พร้อมน้ำตาที่ไหลพราก! เธอคงขายของปิ้งย่างอะไรสักอย่างริมถนน  อีกภาพหนึ่งหลังจากวันนั้นไม่กี่วัน ก็มีภาพน้ำท่วมธุรกิจหมื่นล้าน โรงงานของชาวญี่ปุ่น เห็นภาพที่หน้านิคมโรจนะ  ที่ชาวญี่ปุ่นกอดคอร้องไห้กับคุณกิตติรัตน์ ระนอง  ไม่ว่าหมื่นล้าน พันล้าน หรือ ไม่กี่พันบาท เมื่อสูญเสีย ย่อมเสียใจเหมือนกัน เพราะล้วนมีค่าต่อชีวิตของเขาเหมือนกัน เห็นแล้วเศร้าใจ ได้แต่เอาใจช่วยให้พวกเขาอย่าเสียกำลังใจ ให้พวกเขาเข้มแข็ง สู้ชีวิต แล้วตั้งต้นอีกครั้ง

อยากวิงวอนให้ผู้มีจิตเริ่มต้นที่ดี ตั้งจิตให้มั่นคง ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย รู้ว่าเขาอยากอะไรเร่งด่วนเรียกร้องขอมา และรัฐบาลยังไม่สามารถจัดได้ทัน แต่เอกชนที่รับบริจาคไว้มากมายและรู้เห็นดีว่าเขาต้องการอะไร น่าจะเบิกจ่ายซื้อหาให้ได้ทันที เช่น เรือ เสื้อชูชีพ เตนท์ ที่ราคาค่อนข้างแพงชาวบ้านไม่มีกำลังซื้อ  คนบริจาคทั่วไปก็อาจต้องหลายๆสิบคนรวมกันจึงซื้อได้ แต่บางหน่วยงานประกาศรับบริจาคทั้งวัน มีคนมอบเงินให้มากมาย ควรสั่งซื้อให้ได้ทันที รอดูอยู่ ลุ้นว่าเมื่อไหร่หนอเขาจะเป็นผู้บริจาคเรือ แทนที่จะเป็นผู้ประกาศปาวๆๆ ว่าชาวบ้านต้องการเรือมาก ต้องการเสื้อชูชีพด่วน   ในที่สุดได้เห็นหลังจากนั้น  2 วัน มอบเรือให้ตั้ง 6 ลำ เฮ้อ! meepole ลุ้นว่าอย่างน้อยต้อง 20 ลำขึ้นไป ชาวบ้านอพยพคนที่ติดข้างในมากมาย และทุกคนทุกครัวเรือนที่เขาเสนอภาพล้วนแต่พายกาละมัง เอาของใส่กาละมัง ใส่ถังลอยน้ำ บางคนอุ้มสุนัข หอบถุงผ้าทูนบนหัว เห็นแล้วสงสารจริงๆ


เรื่องราวครั้งนี้คงต้องบันทึกในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ที่น้ำท่วมภาคกลางมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เสียหายมากเกินกว่าจะประเมิน โดยเฉพาะด้านจิตใจ  แต่หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีฮีโร่คนใดคนหนึ่งเกิดขึ้น ไม่ยกใครคนใดเสียเลิศลอยว่าเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้... แล้วแต่จะปั้น จะยก  ตามนิสัยของคนโดยที่ตัดสินกันเพียงกระแส และสิ่งที่เห็นจากสื่อ แล้วคิดว่าใช่เลย  ไม่อยากให้คนสร้างภาพ เขาได้โอกาสจากการสร้างภาพ จะได้ยุติความคิดที่จะฉวยโอกาสด้วยวิธีการต่างๆบนคราบน้ำตาของผู้คนเสียที  เผื่อจะได้ปรับปรุงใจเสียใหม่  จะได้ไม่เป็นที่มาของการเสื่อมศรัทธาของผู้ที่มีเมตตา กรุณา  อย่าให้คนสร้างภาพได้รับรางวัลอันนั้นเลย (หากจะมี) อย่ายกย่อง ชื่นชมกันผิดๆเลย ไม่ใช่เพราะ meepole อิจฉา หรือไม่ชอบใครเป็นส่วนตัว แต่... วิกฤติครั้งนี้ หากจะผ่านพ้นไป ก็ด้วยการร่วมมือร่วมแรง ร่วมใจของคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย จริงๆ ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ถ่ายทอดมาให้เห็น แต่เชื่อเถอะว่างานนี้นอกจากเบื้องหน้าที่บางหน่วยงานพยายามสร้างกระแสส่วนตน แต่เบื้องหลังการถ่ายทอดภาพข่าว ที่ยังมีที่ไม่ถูกถ่ายทอดให้เห็น ยังมีผู้เสียสละแรงกาย ผู้มีน้ำใจ ผู้ที่สละเวลา สละกำลังทรัพย์ส่วนตัวไปช่วย เหล่าทหาร และมีผู้ทำงานช่วยเหลือทุ่มเทอยู่เงียบๆด้วยความห่วงใยประชาชนโดยไม่หวังการออกข่าว หรือถูกถ่ายภาพอีกมากมาย  ทุกคนที่ช่วยกันยามยากเพื่อมนุษย์ธรรม ช่วยเพราะมีเมตตาธรรม ....นี่ล่ะคือฮีโร่ที่แท้  ฮีโร่ที่ชนะใจตัวเอง ยกระดับจิตของตัวเอง ให้เหนือพ้นน้ำแล้ว  อย่าให้น้ำท่วมใจของคุณเลยนะคะ  เพราะ...

คุณค่าของคนเราไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่ได้รับ แต่..
ขึ้นกับสิ่งที่ได้ให้แก่คนอื่น

  
อ่านเพิ่มเติม น้ำท่วมกับมุมที่มองด้วยความห่วงใย http://meepolen.blogspot.com/2011/10/blog-post_17.html

Tuesday 11 October 2011

ลักษณะของบุญ (2)




บุญ คือ อะไร?

บุญ คือ สภาพที่ทำจิตใจให้สะอาดให้ผ่องใส  ดังนั้น ลักษณะของบุญในความหมายแรกนี้ จึงหมายถึงสภาพของจิตหรือคุณภาพของจิตที่ผ่องใส
อีกความหมายหนึ่ง บุญ หมายถึง ความสุขความเจริญ
อีกความหมายหนึ่ง บุญ หมายถึง การทำความดี ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
"พึงสั่งสมบุญ ทั้งหลาย อันจะนำความสุขมาให้"

ลักษณะของบุญในความหมายที่ ๓ นี้ หมายถึงการทำดี เช่น การให้ทาน การรักษาศีล เป็นต้น
ดังนั้น บุญ จึงมีลักษณะ 3 ประการ คือ

1
เมื่อว่าถึงเหตุของบุญ      บุญ ได้แก่ การทำความดี
2. เมื่อว่าถึงผลของบุญ       บุญ ได้แก่ ความสุขความเจริญ
3. เมื่อว่าถึงสภาพของจิต   บุญ ได้แก่ จิตใจที่ผ่องใสสะอาด

การเข้าใจเรื่องบุญจะต้องเข้าใจลักษณะของบุญทั้ง 3 ประการนี้ ถ้าเข้าใจเพียงลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ถือว่ายังเข้าใจบุญไม่ตลอด เช่น

บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่เหตุของบุญ เท่านั้น เช่น "คนนี้ทำบุญด้วยการให้ทาน ส่วนคนโน้นทำบุญด้วยการรักษาศีล" 

บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่ผลของบุญ เท่านั้น เช่น "คนนั้นมีความสุข เพราะเขามีบุญ"  

บางคนเข้าใจบุญเพียงแต่สภาพของจิตที่ผ่องใสเท่านั้น เช่น "คนนั้นจิตใจของเขาสะอาด มีเมตตากรุณา เพราะเขาเป็นคนใจบุญ"

เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเรื่องบุญในพระพุทธศาสนา เราจะต้องเข้าใจถึงลักษณะของบุญทั้ง 3ประการดังกล่าวแล้ว จึงจะชื่อว่าเข้าใจบุญได้ทั้งหมดและถูกต้อง


เรื่องต่อจากนี้ meepole จะรวบรวม เรียบเรียง ย่อยให้เข้าใจง่ายๆ เป็นตอนๆเพื่อว่าเราจะสามารถใช้อธิบายให้ผู้อื่นฟังและเข้าใจถูกต้องว่าจะทำบุญให้เกิดบุญอะไรได้บ้าง
ตอนหน้าจะเริ่มด้วยเรื่อง  การทำบุญที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาให้เกิดบุญ ค่ะ