Monday, 28 May 2012

เพียงแค่..เลิกยกย่องคนเลว


ป๋าเปรม บอกโกงเป็นโรคร้ายแรง ขอทุกฝ่ายปราบคนไม่ดี
 เนื้อข่าว
(25 พค.) "ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ "พล.อ.เปรม" กล่าวเปิดงานสัมมนา "มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย" ของ ป.ป.ช. ชี้ การโกง เป็นโรคร้ายแรง แนะทุกฝ่ายร่วมมือกันปราบปรามอย่างจริงจัง ประชาชนต้องให้ความร่วมมือและเมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันป้องกันปราบปรามการโกงอย่างจริงและจริงใจ ช่วยทำให้บ้านเมืองน่าอยู่"

เปลือกที่มีประโยชน์คือ คือเปลือกไม้
อ่านแล้วหากไม่คิดอะไรก็ผ่านหู ผ่านตา หรือไม่ก็ อืม! ไช่     จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นอะไรๆ ที่ใครๆก็รู้ เพียงแต่พูดออกจากปากคนธรรมดาก็ไม่เป็นข่าว คนดีๆ มากมายที่เคยได้พูดเรื่องเหล่านี้ ขอให้ช่วยกัน ลด ละ เลิก การโกงกิน ทุจริตคอรัปชั่น ในทุกรูปแบบไม่ว่าแบบใส่ซอง โอนตัวเลข หรือคอรัปชั่นเชิงนโยบาย (ที่ meepole เห็นชัดเจน ในที่ทำงานนี่แหละ)  รณรงค์กันทุกยุคสมัย แต่ก็ไม่ได้เป็นผลเชิงประจักษ์ เพราะยังเห็นกันในทุกองค์กร หน่วยงาน ทุกวิชาชีพ ทุกระดับชั้นหรือฐานะ จนกลายเป็นมือใครยาวสาวได้สาวเอา มุมมองคนเปลี่ยนไป “คนดี” จริงไม่มี มีแต่ “คนโง่” (“โง่” เองที่ไม่โกงกิน ไม่ไช่ เพราะ ”ดี” จึงไม่โกงกิน)  เรื่องทุจริตคอรัปชั่นจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่น่าละอายในสังคมยุคนี้ ศักดิ์ศรี สกุลพ่อแม่ เป็นเรื่องเล็ก บาปกรรม ไม่รู้จัก.....
Meepole รับรู้ เห็นเรื่องเหล่านี้จากชีวิตการทำงานรับราชการ  ในหน่วยงานที่เรียกเราว่าเป็น “ข้าราชการครู” ค่อยๆเห็นตั้งแต่เรื่องเล็กๆ กลับมาถามที่บ้านว่าแบบที่เห็นเขาทำนี่เรียกวาคอรัปชั่นไหม จนกระทั่งรับรู้เพิ่มเรื่อยๆ เพราะยิ่งยุคสมัยผ่านไป การโกงกินยิ่งคำโตขึ้น มาในหลายรูปแบบมาก จนหลายครั้งที่ถามตัวเองและคนสนิทว่า เขาจำเป็นต้องทำเพราะเขาขาดแคลน อด ไม่พอ หรือนั่นเป็นนิสัยอันถาวร (สันดาน) ที่มีเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ และตอนนี้ยิ่งได้มาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ยิ่งไม่น่าเชื่อว่า คนที่มีการศึกษามาก  มีตำแหน่งในการที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดี กลับใช้โอกาสนั้นทำทุกอย่างเพื่อเอื้อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันโกง (ประเภทกินคนเดียวหัวหาย กินหลายฝ่ายสบายนาน) เลยเป็นเครือข่ายโกงแบบใช้กลยุทธิ์ แบบระบบขายตรงไดเร็กเซล ชั้นล่างทำยอด หารายได้ดี ส่งตามระบบพิเศษ แบบมีเทคนิคเฉพาะ “เลี้ยงเแมวให้อ้วน ก็จับหนูไม่ได้”
 ...จากความรู้สึกที่เคยคิดว่า พวกเขาคงจำเป็น เพราะครอบครัวเขาคงลำบาก รู้เห็นไปเรื่อยๆ จนพอทราบว่าเขาไม่ได้จน ไม่ได้อด แต่ไม่พอ เพราะต้องใช้จ่ายเยอะมาก ลูกต้องเรียนต่างประเทศ รถยนต์ต้องตระกูล B  กินอาหารต้องระดับห้องอาหาร  ต้องสะสมซื้อที่ดิน ลงทุนเก็บเกี่ยวมากมาย เช่น สร้างธุรกิจส่วนตัว ที่ใช้...เป็นตัวเอื้อผลประโยชน์ เกิดคอรัปชั่นเชิงนโยบายเพราะคำว่า “อยาก” ไม่เคยพอ เลย “หยุด” ไม่ได้ หรือ "รู้ว่า..มันชอบอะไรก็โยนให้มันกิน มันก็เงียบเอง" (ประโยคสุดท้ายนี้ออกจากปากในที่ประชุมของผู้มีการศึกษากลุ่มหนึ่ง มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่คนยกย่องเพราะเห็นแค่เปลือก) จึงยากที่จะ ลด ละ เลิก
จากที่ meepole เคยสงสารเห็นใจ เลยแปรเป็นความรู้สึกที่ไม่ไช่ไม่ชอบแต่ว่ารังเกียจ เพราะรู้สึกว่าพวกเราเป็นข้าราชการ และเป็นครู สวมหมวกเกียรติยศสองใบ มีหน้าที่สอนและเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นข้าแผ่นดิน แล้วไม่มีความละอายเลยหรืออย่างไร ทุจริตกันทุกระดับจนคนที่ไม่ทำกลายเป็น “แกะขาว” หรือไม่ก็ เป็นพวกเรื่องมากอะไรก็ไม่ได้ หรือไม่ก็เป็นพวกไม่ยืดหยุ่น (ของมีไม่มี ก็เซ็นต์ตรวจรับไปเถอะ! อย่าเรื่องมาก.. เด็กเรียนไม่เรียนก็ต้องให้ผ่าน อย่าติด E มากนัก จะเป็นปัญหาการประเมินคุณภาพสถาบัน ..เขาจะลอกงานของใครก็ช่างเถอะ มองผ่านๆไปบ้าง) ความรังเกียจที่เพิ่มมากขึ้นๆ ทำให้ต้องเอาตัวเองออกมา ได้เคยพยายามในระดับหนึ่งแล้วแต่ “น้ำดีจำนวนน้อยย่อมไม่มีค่าในบึงน้ำเน่า”  ไม้ซีกงัดไม้ซุง เมื่อเปลี่ยนระบบไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนที่ตัวเอง (แต่ไม่ไช่ด้วยการเป็นแบบที่เขาเป็น) เพื่อไม่ให้เศร้าใจ อนาถใจ กับสิ่งที่รับรู้ ด้วยการวาง รู้แล้ววาง ทุกอย่างเป็นไปด้วยอกุศลกรรมที่พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามไป อกุศลกรรมเป็นของเขาผู้ก่อ หากเขามีธรรมะ มีจิตเมตตาที่เป็นครู เป็นผู้ให้ ดูแลศิษย์ด้วยความรับผิดชอบ ใส่ใจคุณภาพการศึกษา ไม่ไช่สร้างแต่วัตถุ สร้างภาพลวงตา ทำธุรกิจการศึกษา ใช้ตำแหน่งเป็นเครื่องมือทางสังคม จนน่าสงสารสังคม แต่สังคมก็มักให้การยกย่องเพราะมองเห็นแต่ภาพลักษณ์ภายนอก ดูแค่เพียงเปลือก จึงมีคนแบบ “ดีแต่เปลือก” ใส่สูท ผูกเน็คไท มีตำแหน่ง ขึ้นมาบริหารในระดับต่างๆ เต็มไปหมด จึงเกิดการโกงทุกรูปแบบ แล้วใครจะเป็นคนปราบคนโกง เพราะ  ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” ผ้าสกปรกจะเช็ดอะไรๆ ให้สะอาดได้อย่างไร?
ดังนั้น “โกงเป็นโรคร้ายแรง ขอทุกฝ่ายปราบคนไม่ดีน่าจะทำได้ยาก ที่ทำได้ง่ายกว่าคือการทำตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คนดี

ในบ้านเมืองนั้น  มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

 
พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ
ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512


 Meepole เชื่อมั่นว่า การส่งเสริมคนดี ง่ายกว่ากำจัดคนชั่ว
มาช่วยกันยกย่องคนดี ให้โอกาสคนดี  ส่งเสริมให้คนดีได้ขึ้นมาบริหารจัดการ ทุกๆอย่างก็จะดีเอง

(หมายเหตุ คนดี คือ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ สุจริต ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และมีสัมมาทิฐิ)

เชื่อเถอะ! เพียงแค่เราเลิกยกย่องคนเลว ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดแล้ว ที่ใครๆก็ทำได้