Monday 6 June 2011

ความกลัว.. ที่น่ากลัวยิ่งกว่า


เมื่อวานยังอยู่ในช่วงการอบรมของพระนักเทศน์ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับทั้งพระและฆราวาสหลากหลายชีวิต และหลากเรื่อง และเรื่องหนึ่งที่โดนใจหลายๆคนกลายเป็น big issue ของการคุยทันที นั่นคือมี ดอกเตอร์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่า สิ่งที่ท่านกลัวมากที่สุดคือ กลัวว่าจะไม่มีความถูกต้อง และยุติธรรมเหลืออยู่ ทำให้คนดีที่ดีจริงๆ (ซึ่งเหลือไม่มากในสังคม) ต้องกลายเป็นคนไม่ดี เพราะถูกใส่ร้าย รังแก แล้วสังคมนี้จะไม่เหลือแบบอย่างคนดีจริงๆเลยหรืออย่างไร เป็นเรื่องน่าเศร้า ทุกคนในวงสนทนาสนใจเพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม จึงขอให้เล่าเรื่องว่าทำไม่คิดเช่นนั้น

ดอกเตอร์ท่านจึงเล่าเรื่องเพียงย่อๆเพราะเวลาไม่มาก ดังนั้นmeepole จึงเอาเรื่องมาเขียนเตือนให้คิด และระวัง เป็นเรื่องภัยจากตำรวจครอบครัวหนึ่ง (ทั้งครอบครัวจริงๆ) กระทำกับครอบครัวที่มีผู้เฒ่า คนชรา ที่มีลูกหลานน้อยแต่มีทรัพย์มาก เมื่อพบเหยื่อแล้วตำรวจคนนี้ได้พาทั้งลูกเมียมาไกล้ชิด เอาใจ (คงตามหลักจิตวิทยา) จนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับทรัพย์สินว่ามีอะไรตรงใหน เท่าไหร่ ตลอดจนทำตัวให้สังคมเห็นว่าเขาเป็นที่รักไว้ใจ เหมือนลูกหลาน การวางแผนทุกอย่างจึงค่อยเป็นค่อยไป ชนิดที่ดอกเตอร์ท่านนี้บอกว่า จะเขียนเรื่องนี้ให้เป็นนิยายเรื่องสั้นออกมาในอนาคต เพราะมีการวางแผนชนิดที่เอาไปทำเป็นภาพยนต์ได้เลย (meepole บอกว่าจะรออ่าน) ตำรวจนายนี้เป็นตำรวจแผนกสอบสวนในจังหวัดภาคกลาง ซึ่งคงใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเข้าไปเอาข้อมูลต่างๆออกมา แม้กระทั่งเขียนกรอกในใบขอข้อมูลหลอกจนท.ว่าเป็นบุตรบ้าง เป็นบุตรบุญธรรมบ้าง ญาติบ้าง

ดอกเตอร์ท่านนี้ได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมตลอดมา 3 ปี และรู้ทุกอย่างที่ตำรวจและภรรยาเขาทำ จ้างใครทำอะไร เปลี่ยนแปลงเอกสารอะไร แต่ดอกเตอร์ท่านนี้บอกว่าเธอเชื่อในสัจธรรม และความยุติธรรม และ ดังนั้นเธอรอเวลาการดำเนินคดีมา 3 ปีเศษ และทุกอย่างจบลง เธอเป็นฝ่ายชนะความ แต่ตำรวจนายนี้ไม่หยุด ระรานไปทั่ว ฟ้องพยาบาลผู้ทำงานตามหน้าที่ ฟ้องจนท.ธนาคารแห่งหนึ่ง ฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดึงมาผูกเรื่องเกี่ยวโยงไปหมด โดยเฉพาะพยาบาลถูกตั้งกรรมการสอบสวน ทราบว่าพยาบาลทั้งสองเครียด และร้องให้ เพราะเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องแต่รับผู้ป่วยตามระเบียบ (มารดาดอกเตอร์นี้) ฯ ขอข้ามก่อนเพราะรายละเอียดยาว เอาเป็นว่าใช้เครื่องแบบตำรวจทำทุกอย่าง ใครเดือดร้อนไม่สนใจ ล่าสุดหลังจากที่แพ้คดี นายตำรวจยศ พตท. คนนี้ ได้ให้ภรรยาส่งทั้งจดหมายใช้วาจา ..(คงจินตนาการทีวีน้ำเน่าได้) ไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับดอกเตอร์ท่านนี้ เพื่อประจาน แต่เธอบอกว่าเธอไม่เคยไปแก้ตัวอะไร เพราะ "อะไรที่จริงก็คงเป็นจริง อะไรเท็จก็คงเป็นเท็จ ไม่มีใครเปลี่ยนได้ แต่ใครจะเชื่อเรื่องเท็จว่าเป็นจริงเราก็ห้ามไม่ได้ เราไม่ชั่วเช่นนั้นเป็นพอ" ดอกเตอร์ท่านนี้บอกว่าเธอเชื่อกฎแห่งกรรม เธออาจทำกรรมกับเขาชาติก่อน หรือไม่ก็เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของแม่ มาตามระราน แต่หากไม่ไช่แต่เป็นเขาก่อกรรมใหม่ขึ้น กรรมก็คงตกแก่เขาและครอบครัวสักวันหนึ่ง ไม่ต้องไปฟ้องอะไรเขากลับ และลูกสาวตำรวจนายนี้ยังเรียนที่ธรรมศาสตร์อยู่ แม้ว่าจะอย่างไรก็ไม่อยากให้ลูกนายตำรวจนี้ต้องอายเพื่อนหากจะรู้ความจริงว่าพ่อแม่เลี้ยงเธอและน้องชายมาด้วยวิธีหารายได้แบบใดซึ่งควรเป็นเรื่องน่าอับอาย?

ความคิดเมตตาเช่นนี้กลับมาทำร้ายเธอต่อ เพราะภรรยาและตำรวจคนนี้ ได้แจ้งความที่สถานีตำรวจให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา โดยชื่อผู้ต้องหาคือ ดอกเตอร์ท่านนี้ เธอได้รับหมายเรียกของสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง แจ้งข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล ดอกเตอร์ท่านนี้งงมาก แทนที่ดอกเตอร์ท่านนี้จะเป็นฝ่ายแจ้งความ กลับกลายเป็นฝ่ายที่ใช้ข้อมูลเท็จเป็นฝ่ายแจ้งความ และการแจ้งนี้ไม่ไช่ครั้งแรกหลังจากชนะคดี เพราะภรรยาตำรวจนี้ได้เคยให้ตำรวจแจ้งทำเป็นบันทึกส่งไปยังสถาบันที่สอนอยู่โดยตั้งหัวข้อว่า เรื่องข้าราชการต้องคดี และให้สถาบันเป็นผู้แจ้งให้ไปพบที่สถานีตำรวจ แต่เธอไม่ไปเพราะจดหมายฉบับนั้นเป็นเพียงต้องการประจานเธอเท่านั้นเธอจึงไม่สนใจ แต่ครั้งนี้ส่งหมายเรียกแบบที่เขียนว่าหากไม่ไป สามารถออกหมายจับได้ ดอกเตอร์ท่านนี้เล่าไปสลับกับเสียงถามจากผู้ฟังเป็นระยะๆ และทุกคน (ยืนยันว่าทุกคนจริงๆ) บอกให้เธอหยุดเมตตา ให้สู้ คนหนึ่งพูดว่าเล่นกับคนบ้_ ต้องรุกไม่งั้นไม่หยุด ต้องโต้บ้าง ตอนนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าเธอจะจัดการอย่างไร แต่ประโยคหนึ่งที่เธอพูดทำให้เศร้าใจคือ เธอไม่แน่ใจว่าตำรวจดีจริงๆยังมีหรือไม่ และเธอกลัวว่าความยุติธรรมจะไม่มี หากไม่มีสิ่งนี้แล้วคนดีจะดำรงความดี โดยไม่ถูกรังแกได้อย่างไร

meepole อยากให้โลกนี้ สังคมนี้ช่วยกันรักษาคนดีๆด้วยเถิด ช่วยกันทำลายคนเลว เพื่อลูกหลานของเรา และเป็นกุศุลที่ใหญ่ที่เราจะช่วยกันให้คนดี มีกำลังใจต่อสู้เพื่อความถูกต้อง