กฎของรถขนขยะ 2
วันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เดวิดขึ้นแท็กซี่ จากสถานีแกรนด์ เซ็นทรัล ใจกลางเมืองนิวยอร์ก ขณะที่แท็กซี่ของเขากำลังวิ่งอยู่บนเลนขวาสุด ทันใดนั้นก็มีรถสีดำคันหนึ่งพุ่งออกมาจากที่จอดรถข้างถนนตัดหน้ารถที่เขานั่งอยู่โดยไม่ดูเลยว่ามีรถคันอื่นวิ่งมาหรือเปล่า คนขับรถแท็กซี่รีบเหยียบเบรก หักพวงมาลัยหลบ ทำให้รถทีเขานั่งอยู่เสียหลักเกือบชนรถคันที่อยู่ในเลนถัดไปอย่างเฉียดฉิว เดวิดตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งทีทำให้เขาตกตะลึงมากขึ้นคือ แทนที่จะได้เห็นท่าทางที่แสดงออกถึงการขอโทษขอโพย ชายคนขับรถสีดำคันนั้นคนที่เกือบทำให้เขาได้รับอุบัติเหตุกลับส่ายหัว ด่าทอคนขับแท็กซี่ด้วยสีหน้าและคำพูดที่ฟังแทบไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นราวกับว่าสีหน้าและคำด่าทอยังถากถางไม่พอ เขายังชูนิ้วกลางขึ้นมาให้ดูชมอีก และสิ่งที่ทำให้เดวิดยิ่งตะลึงยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาหันไปมองคนขับแท็กซี่ของเขา คนขับแท็กซี่กลับยิ้ม โบกมือให้กับชายที่ขับรถสีดำคันนั้นอย่างเป็นมิตร เขาถามคนขับแท็กซี่อย่างงงงวยว่า "ทำไมคุณถึงไปโบกมือให้เขาอย่างนั้น เขาเกือบฆ่าเราแล้วเมื่อตะกี้" คนขับแท็กซี่ตอบว่า
"คนทั่วไปทำตัวเหมือนรถขนขยะ รถขนขยะวิ่งไปมามีขยะอยู่เต็มรถ เขาเหล่านั้นไปไหนมาไหน แบกความสับสน ความโกรธ ความผิดหวัง อยู่เต็มหัวใจ และหากขยะเหล่านั้นเพิ่มพูนมากขึ้นเขาก็ต้องหาที่ทิ้งขยะ ถ้าเราปล่อยโอกาสให้เขา เขาก็จะทิ้งขยะนั้นไว้ที่เรา ดังนั้นหากมีใครต้องการทิ้งขยะนั้นที่เรา ก็ไม่ควรรับ แค่ยิ้มและบอกว่าขอบคุณครับแต่ผมรับไม่ได้ อวยพรให้เขารู้สึกดีขึ้น ดำเนินชีวิตของเราต่อไป เชื่อเถอะ เราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ"
นี่แหละคือที่มาของ กฎของรถขนขยะ
หมายเหตุ บทความนี้ได้รับการเอื้อเฟื้อและอนุญาตจากคุณปริม ทัดบุปผา ผู้แปล