Monday, 23 July 2012

GT 200 สู่สำนึกลิง สำนึกคน (2)


จากข่าวที่พาดหัวข่าวไว้ว่า สะเทือนใจ! กอริลลาช่วยกันถอดกับดักของมนุษย์
มาถึงข่าว หมอพรทิพย์ แจงจัดซื้อ จีที200 ตามขั้นตอน http://hilight.kapook.com/view/73985

Meepole อ่านแล้วสะเทือนใจข่าวหลังมากกว่า เพราะเคยมีความชื่นชอบในการปฎิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา การแสดงออกที่เคยได้รู้จากสื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้มีความรู้ มีความกล้าในการแสดงออก และมีจุดยืนในการทำงาน และโน้มไปในทางที่มีจิตสาธารณะ ทำให้มองไปว่าเป็นผู้มีความรับผิดชอบ เคร่งครัดในหน้าที่ แม้มีบ้างที่บางข่าวที่เคยออกมาทำให้ต้องยอมรับต่อความจริงของคนว่าไม่มีใครสมบรูณ์แบบ แต่ข่าวที่ออกมาล่าสุดสามารถลบภาพสวยงามให้เลอะเลือนอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุผลที่ง่ายๆว่าในบทบาทของความเป็นแพทย์ที่ต้องช่วยชีวิตมนุษย์ เห็นชีวิตมนุษย์มีค่า กลับยืนยันยอมรับเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 ว่าไม่ใช่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ หากใช้ตรวจหาวัตถุระเบิดได้ผลร้อยละ 20 ก็ถือว่ายอมรับได้แล้ว และหน่วยงานสถาบันนิติฯของท่านได้จัดซื้อในราคาที่สูงมากกว่าหลายๆหน่วยงานมาก เป็นกรณีศึกษาด้านจริยธรรม คุณธรรม มโนธรรม และเรื่องของ "คน" ได้ดี

หากคิดแทนพ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้ต้องนำเครื่องมือที่ได้ผลร้อยละ 20 ไปเดินตรวจหาวัตถุระเบิด ว่าหากลูกต้องมีความเสี่ยงตายสูงถึง 80% เขาจะรู้สึกอย่างไร  เพราะการยอมรับ หรือ ไม่รู้ว่าถูกหลอก (ไม่น่าเชื่อ เพราะไม่น่าโง่จริงๆ) ทำให้จัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวด้วยเงินภาษีของคนในชาติ (ของmeepoleด้วย) ไม่ต่ำกว่า 300ล้านบาท และชีวิตของคนที่นำไปใช้ คิดว่าจะตีราคาเท่าไหร่............ได้เคยอ่านข้อเขียนของพระไพศาล วิสาโล และของใครบางคนที่เขียนไว้ซึ่ง meepole ได้เก็บโน้ตไว้น่าจะนำมาประกอบเรื่องนี้ได้ดี..........

จิตสำนึกและความรับผิดชอบส่วนตัว (personal accountability) สำนึกความรับผิดชอบ (SENSE OF RESPONSIBILITY) ในการทำงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบถือเป็นสิ่งที่แต่ละคนควรยึดถือให้ดีที่สุด แต่ที่สำคัญการทำงานในยุคใหม่นั้นความรับผิดชอบเพียงประการเดียวไม่เพียงพออาจจะต้องมีความรู้ความสามารถ และต้องมีความเชี่ยวชาญคือไม่ใช่เพียงแต่ทำงานเป็นอาชีพ แต่ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ(Professional) ด้วย

สำนึกความซื่อสัตย์ (SENSE OF INTEGRETY) ในบทบาทนี้เป็นสิ่งที่ปุถุชนคนดีพึงกระทำคือความมีคุณธรรม จริยธรรมในการทำงาน

ความรู้ผิดรู้ชอบในมโนธรรมสำนึกคน เป็นมโนธรรมสำนึกที่บอกเราว่าความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าอำนาจ แต่นับวันเราจะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกันน้อยลงทุกที การคิดคำนวณถึงผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นทำให้เราปิดใจไม่รับรู้ความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ และเฉยชาต่อเสียงร้องของมโนธรรมสำนึกภายใน แต่เราจะรู้หรือไม่ว่าการกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้จิตใจของเราแข็งกระด้าง และลดทอนความเป็นมนุษย์ของเราให้เหลือน้อยลง

จะสังเกตว่าสัตว์ไม่เคยเถียงกันว่า ใครผิด ใครถูก มันคงไม่มีปัญญาพอที่จะตั้งมาตรฐานถูก-ผิดอย่างมนุษย์

ฟื้นความเป็นมนุษย์และความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้กลับคืนมา อย่าโยนหน้าที่ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินความถูก-ผิด ไม่ว่าจะทำอะไรไปก็ตาม ควรให้มโนธรรมสำนึกในใจของเราเป็นเครื่องตัดสิน เมื่อผิดควรยอมรับด้วยตนเองว่าทำผิด ไม่ใช่ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เพราะหากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลหรือใครก็ตาม ไม่ช้าไม่นานสำนึกในความผิดชอบชั่วดีของเราก็จะปลาสนาการไป ถึงตอนนั้นเราจะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ!!
หมายเหตุ หากมีเวลาลองเข้าไปอ่านที่นี่ดูนะคะ ขำๆ มีความคิดเห็นดีๆเยอะ เช่นhttp://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12412927/X12412927.html

"เห็นด้วยกับคุณหญิงหมอพรทิพย์ครับ เราควรนำกลับมาใช้อีกรอบ

แต่อยากให้มีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ใช้งานนิดหน่อย
เป็นหมอพรทิพย์กับท่านสุกำพล ทุกครั้งที่มีเหตุต้องสงสัย
ให้ 2 ท่านนี้เป็นคนใช้เครื่องมือเท่านั้น จะใช้คนละกี่เครื่องก็เบิกไปเลย
แต่ขอให้ใช้กัน 2 คนเท่านั้น "
  ขำดีค่ะ
อ้างอิง: คำขอที่ยิ่งใหญ่  พระไพศาล วิสาโล
อ่าน สำนึกลิง  สำนึกคน  (1) ที่

Sunday, 22 July 2012

สำนึกลิง สำนึกคน (1)


จากหัวข่าว สะเทือนใจ! กอริลลาช่วยกันถอดกับดักของมนุษย์

เจ้าหน้าที่ ศูนย์อนุรักษ์กอริลลา "ไดแอน ฟอซซี่" ได้สังเกตพบว่ากอริลลาสองตัวที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ กำลังนั่งขุดถอนไม้แหลมซึ่งเป็นกับดักที่มนุษย์นำมาติดตั้งไว้เพื่อล่าสัตว์ได้และที่ฆ่าเพื่อนของมันออก

โดยนายเวโรนิกา เวเซลลิโอ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกอริลลาได้เล่าว่า “ก่อนหน้านี้กอริลลาสองตัวนี้มันเห็นว่าเพื่อน ๆ ของมันถูกฆ่าตายด้วยกับดักนี้ พวกมันจึงช่วยกันเอากับดักนี้ออก และหลังจากที่มันถอนกับดักออกได้จุดหนึ่งแล้ว ก็ไปเห็นกับดักอีกจุดหนึ่ง แล้วมันก็ทำเหมือนเดิม คือช่วยกันดึงกับดักพวกนี้ออกไป โดยก่อนหน้านี้ มีกอริลลาหลายตัวที่ถูกพบในสภาพนอนบาดเจ็บ เสียเลือดมากจากกับดักดังกล่าว และต่อมามันก็เสียชีวิตลง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้ากอริลลาทำพฤติกรรมเช่นนี้ พวกมันฉลาดกว่าที่มนุษย์คิดเสียอีก”

เปรียบเทียบข่าวนี้........... (คิดดีๆข่าวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า)

จากข่าวเลขาฯ ป.ป.ส.ตั้งกรรมการสอบจัดซื้อเครื่องมือตรวจจับวัตถุต้องสงสัย ที่เรียกว่าจีที 200 และอัลฟ่า 6 หลัง ดีเอสไอแจ้งอาจเข้าข่ายฉ้อโกงและฮั้วประมูล ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาระบุ ถึงข้อพิรุธน่าสงสัย ภายหลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้สรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริง พบการจัดซื้อของหน่วยราชการ 13 หน่วยงาน อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม "กฎหมายฮั้ว" หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และสิ่งของที่ื่จัดซื้อก็ไม่มีคุณภาพจริงจากการพิสูจน์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเสียหายกว่า 300 ล้านบาท….

สตง.ได้แจ้งสถาบันนิติฯ ถึงการจัดซื้อ ให้แจ้งความเรื่องอุปกรณ์ไร้คุณภาพ รวมถึงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง แต่พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า "ขอยืนยันเรื่องการจัดซื้อเป็นไปตามระเบียบราชการ และขณะนี้อุปกรณ์ดังกล่าวได้ปลดประจำการไปแล้ว และกล่าวว่า เรื่องคุณภาพของอุปกรณ์ เราไม่สามารถสรุปได้ จะปลอมหรือไม่ ก็อยู่นอกเหนือการตรวจสอบของสถาบัน เพราะเราไม่มีข้อมูล และจีที 200 ก็ไม่ใช่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ หากใช้ตรวจหาวัตถุระเบิดได้ผลร้อยละ 20 ก็ถือว่ายอมรับได้แล้ว โดยที่ผ่านมา อังกฤษที่ใช้ไปแล้วนานกว่า 6-7 ปี ก็เพิ่งทราบภายหลังว่าถูกหลอก ดังนั้น อย่าเอาปัจจุบันยึดติดกับอดีต ถ้าหากเราถูกหลอก ทางการอังกฤษก็ถูกหลอก"

อ่านแล้วรู้สึกไม่น่าเชื่อจะออกจากคำพูดของคนที่มีความรู้ มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่องแบบไทยๆ จะออกมากล่าวได้เช่นนี้ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอีกกรณีหนึ่ง และเก็บในความคิดที่สะดุดกึกกับคำให้สัมภาษณ์แบบไม่น่าเชื่อว่าจะพูดเช่นนั้นได้..วันต่อมาเมื่อมีข่าวเรื่องลิงกอริลลาทำให้เกิดการเปรียบเทียบเรื่องของสำนึกรับผิดชอบ สำนึกความเป็นห่วง เยื่อใย ความรับผิดชอบที่มีต่อชีวิตผู้อื่นที่มีค่าไม่ต่างกัน

อ่านเรื่องของลิงแล้วซึ้งใจกับสัตว์ที่เราเรียกเขาว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่มีความห่วงใย อาทร ต่อเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าเขาจะทำด้วย "สัญชาตญาณ " หรือ" สัญชาตเวค " หรือด้วยการมีสำนึกรู้คิดก็ตามล้วนเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ใครเห็นข่าวอ่านข่าวก็จะรู้สึกร่วมกันว่า เป็นความรัก เป็นมิตรภาพ เป็นความห่วงใยที่มีให้กัน บางคนอาจถึงกับคิดว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเขาไม่เคยสัมผัส เอาใจใส่หรือเข้าใจสัตว์มาก่อนเลย นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เราเห็นสัตว์ห่วงใยสัตว์ สัตว์ผูกพันช่วยเหลือกันและกัน เพราะมีให้เห็นตามข่าวมากมาย

ที่เราควรจะแปลกใจและต้องหันมามองเอาใจใส่คือสำนึกความรับผิดชอบที่ควรต้องมีในคน ซึ่งเราจะยก "คน" ให้เหนือ "สัตว์เดรัจฉาน" ตรงที่เราสามารถรู้ แยกแยะผิดชอบชั่วดี มีมโนธรรมเป็นตัวกำกับ ไม่ใช้แต่สัญชาตญาณแบบที่สัตว์เดรัจฉานใช้
 ดังนั้นกรณีนี้การซื้ออุปกรณ์ใช้ตรวจหาวัตถุระเบิดเอาไปให้ทหารหรือจนท.ต่างๆใช้ มันเกี่ยวกับความเป็นความตายของชีวิตผู้ปฎิบัติหน้าที่และความปลอดภัยของชีวิตคนอีกมากมาย ชีวิตของเขามีค่า ไม่ควรต้องใช้เครื่องมือที่มีความเสี่ยงถึง 80 % และยอมรับว่าไม่ไช่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แต่ยอมจ่ายเงินซื้อได้แตกต่างตั้งราคาแต่สี่แสนถึงหนึ่งล้านเศษต่อเครื่อง กับคำพูดที่ว่า "แล้วหากเราถูกหลอกอังกฤษก็ถูกหลอก" แล้วทำไมจะต้องไปเปรียบเทียบปัญญากับประเทศอื่น เราจะมีปัญญาเหนือเขาไม่ถูกหลอก หรือไม่แกล้งโง่สักเรื่องไม่ได้หรืออย่างไร  แต่ที่ต้องคิดไปเปรียบเทียบกับเรื่องของลิงก็เพราะสะท้อนใจว่าลิงมันรู้จักเอาใจใส่เป็นห่วงเพื่อนลิงด้วยกัน รู้ว่าสิ่งไหนเป็นอันตรายก็ป้องกันไม่เห็นแก่ตัว ไม่ดูดาย รักพวกพ้องเผ่าพันธุ์ ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นสัตว์ที่ใช้สัญชาตญาณ เพราะดูจากการกระทำแล้วมันมีมโนธรรม (conscience) มากกว่าคนที่ขาดสำนึกเสียอีก

Saturday, 21 July 2012

ปลาลำตะคองตาย: กรณีศึกษาการจัดการและพรบ.แบบไทยๆ


จริงๆแล้วเรื่องความมักง่าย เห็นแก่ได้ของผู้ประกอบการนำมาซึ่งความเสียหายต่อชีวิตทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของ (ไทย) เรานับครั้งไม่ถ้วน บางคนอาจไม่สังเกตุก็คิดว่านานๆครั้ง แต่สำหรับ meepole ซึ่งสอนวิชาเคมีสวล มลพิษสวล พิษวิทยาสวล ทำให้ต้องคอยติดตามข่าวเช่นนี้เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้นักศึกษาวิเคราะห์เจาะประเด็น ทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นจะอึดอัดมากเมื่ออ่านข่าว โดยเฉพาะจนท.รัฐ ที่ออกข่าวทั้งทันทีและหัวหน้าที่ต้องไตร่ตรองกรองอีกครั้ง และมักจะออกมาเกลี่ย กลบ ว่าตอนนี้ที่ได้รับรายงานไม่เป็นอันตราย ๆๆ หรือไม่ก็ตอนนี้ได้รับรายงานพบว่าสาร....ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ปลอดภัย ก็เข้าใจนะว่าเขามีหน้าที่ต้องทำให้ชาวบ้านไม่ตกใจ จะได้ไม่สร้างปัญหาให้พวกเขา ไม่ต้องอพยพ เจ็บป่วยภายหลังก็ไม่ต้องมีใครรับผิด (เพราะ "ชอบ" มีคนรับไปแทนแล้ว) แทนที่จะห่วงใยทุกข์สุข ของชาวบ้านที่มีความรู้น้อย หวังพึ่งพาพวกเขา แต่หลายครั้งเห็นชัดเจนมากเกินไปว่าพูดแบบไร้จิตสาธาณะ ไร้สำนึกในหน้าที่ที่ตัวเองควรดูแลชีวิตของชาวบ้าน ไม่ไช่ตัวแทนของโรงงาน

 ครั้งนี้อีกเช่นกันที่ไม่ไช่ครั้งแรก ไม่ไช่เรื่องน่าแปลกใจ และไม่ไช่เรื่องใหญ่ระดับชาติ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงวงจรการทำงานแบบไปเป็นทีๆ ของหน่วยงานตลอดผู้มีหน้าที่ต้องจัดการ ที่ต้องมีสำนึกสาธารณะ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเมืองไทยเราชอบลอกเลียน เอาแบบอย่างเพราะขี้เกียจคิด และไม่มีข้อมูลดิบที่จะใช้คิด (ที่เรียกว่า....) แล้วก็แกล้งยกย่องตั้งเป็น โมเดล (model) ขึ้นมาอีก คราวนี้...ถาวรเลย
เรื่องที่ว่านี่ meepole ใช้เป็นกรณีศึกษาให้นศ.สวล เรียน วิเคราะห์ครบวงจรของการจัดการแก้ปัญหาสวลไทยที่ทำให้สวล.ของเราย่ำแย่ลงทุกวัน (ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าตามอ่าน ปลาลำตะคองตาย: กรณีศึกษาการทำงานของจนท  http://meepolen.blogspot.com/2012/07/19-july.html )


ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องกรณีปลาในลำตะคองตายเป็นแพเต็มลำน้ำ ในวันที่ 18 ก.ค. รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมสรุปได้ว่า โรงน้ำแข็ง หจก.โคราชไอซ์ ที่ผลิตน้ำแข็งยี่ห้อ เอ็ม.พี. ซึ่งมีการซ่อมแซมบำรุงเครื่องจักรระบบการผลิตน้ำแข็งในวันก่อนเกิดเหตุปลาตายวันที่ 13 ก.ค. และได้มีการระบายแอมโมเนียไนโตรเจน เป็นปริมาณมากลงลำน้ำลำตะคองในช่วงบริเวณหลังโรงงาน ทำให้ตรวจพบค่าความเข้มข้นของแอมโมเนียไนโตรเจนในน้ำที่จุดดังกล่าวสูงถึง 8.4 มิลลิกรัม/ลิตร (แอมโมเนีย (NH3) ในน้ำในหน่วยไนโตรเจน ต้องมีค่าไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร)
 ภาพ: pimthai.co.th
การแจ้งความเอาผิดโรงงานน้ำแข็ง เอ็ม.พี. มอบหมายให้ประมงจังหวัดนครราชสีมาไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อ หจก.โคราชไอซ์ ในข้อหา ปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ (ลำตะคอง) เป็นเหตุให้สัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมากประมาณ 2 ตัน

มีความผิดตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 ห้ามมิให้บุคคลใด เท ทิ้ง ระบาย หรือทำให้วัตถุมีพิษตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาลงไปในที่จับสัตว์น้ำ หรือกระทำการใดๆ อันทำให้สัตว์น้ำมึนเมา หรือเท ทิ้ง ระบาย หรือทำให้สิ่งใดลงไปในที่จับสัตว์น้ำในลักษณะที่เป็นอันตรายแก่สัตว์น้ำ หรือทำให้ที่จับสัตว์น้ำเกิดมลพิษ เว้นแต่เป็นการทดลองเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ส่วนความผิดทางแพ่ง ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) รวบรวมหลักฐานต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งความดำเนินคดีทางแพ่งตามมาตรา 96, 97 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป

กรณีนี้ก็เป็นกรณีศึกษาตอนที่ 2 ให้นักศึกษาสวล ได้พิจารณาต่อ พูดให้เขาลองติดตามสังเกตุกรณีต่างๆที่เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ สวลของเรา มักจบแห่แบบเดียวกัน ไม่มีบทลงโทษที่หนักในกรณีเกิดซ้ำ ไม่มีบทลงโทษที่ให้หลาบจำ เพื่อระมัดระวังมากขึ้น ทั้งผู้ประกอบการ และผู้กระทำเอง (คนงาน) ไม่มีการลงโทษในทางอาญา ทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้กระทบต่อชีวิตมากมาย แต่บังเอิญที่ตายเป็นหมื่นเป็นแสนทุกครั้งเป็นสัตว์ที่เรียกร้องไม่ได้ แม้กระทบคุณภาพชีวิตคน เช่น กรณีมาบตาพุด เกิดแล้วเกิดอีก ก็ยังคงเกิดได้ต่อไป คนพิการก็พิการป่วยกันไป น่าเศร้าใจแทน พรบ.ที่ใช้แต่โบราณนานมา ไม่เคยมีการทบทวนปรับปรุง เพิ่มโทษ ให้ตามยุคสมัย เทคโนโลยีที่ใช้ และการกระทำที่ไร้สำนึกมากขึ้น

เวลาเกิดความเสียหายอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อก็ (ไม่) ดี  เกิดจากความมักง่าย เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไร้สำนึกของผู้ประกอบการก็ (ไม่ )ดี ส่วนมากอันหลังมากกว่า ก็มักจะจบง่ายๆ สบายๆ แบบที่เห็นคือ หาสาเหตุการตาย หาที่มาให้เจอ แล้วสั่งปิดรง.เพื่อปรับปรุง (ปรับปรุงแค่ไหนแล้วแต่จะตกลงกัน) เสร็จให้จนท.ตรวจ พอใจตามหลักการก็เปิด ส่วนค่าเสียหายต่อรัฐก็จ่ายกันไปตามพรบ.(โบราณ 20 ปีมาแล้ว) ช่างน่าสารแทนสัตว์น้ำ สัตว์บก และชาวบ้านที่ถูกผลกระทบโดยตรงจริงๆ  กว่าคดีจะเสร็จก็ไม่รู้ว่าสัตว์เหล่านี้ไปเกิดใหม่กี่รอบแล้ว ค่าปรับก็ไม่รู้ว่าคุ้มกับชีวิต สุขภาพ คุณภาพชีวิต สภาพแวดล้อมที่เสียสมดุลไป และไม่รู้ว่าค่าปรับนั้นนำมาใช้จ่ายคืนสู่ชุมชนนั้นในลักษณะใดหรือไม่ เพราะหลังจากข่าวสรุปแบบนี้แล้วมักจะจบข่าว ไม่มีใครตามอีก นี่แหละประเทศไทย อยู่แบบไทยๆ.....(..) ง่ายดี

Wednesday, 18 July 2012

กำหนดการพระราชทานเพลิงศพท่านนายอำเภอธนพล อันติมานนท์

ได้รับกำหนดการพระราชทานเพลิงศพของท่านนายอำเภอจากครอบครัวของท่าน จึงขอนำมาแจ้งให้ญาติ มิตร เพื่อนที่ทั้งไปร่วมงานได้ และไม่สามารถไปร่วมงาน ได้ทราบโดยทั่วกัน และร่วมน้อมจิตส่งท่านในวันและเวลาดังกล่าว
meepole เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าดวงวิญญาณของผู้ปฎิบัติตนดีเช่นท่าน จะสามารถรับรู้ และรับกุศลเจตนาที่ทุกคนอุทิศส่งให้ท่าน


Tuesday, 17 July 2012

“เป็นมนุษย์หรือเป็นคน”


สืบเนื่องจากการเขียนคำไว้อาลัยเพื่อระลึกถึงคุณความดีของท่านนายอำเภอธนพล อันติมานนท์ ที่เสียชีวิต มีผู้ที่รู้จัก meepole ตั้งคำถามมาว่า ทำไมจึงตั้งเรื่องว่า "มนุษย์"ที่กลับไปแล้ว ไม่ใช้ "คน"ที่กลับไปแล้ว ตามภาษาที่คุ้นเคยกัน  เลยให้คำตอบไป และคิดว่าอาจมีใครอื่นที่มาอ่านและสงสัยเช่นกันแต่ไม่มีโอกาสถามจึงขอนำคำกลอนที่แยกแยะ ความเป็นมนุษย์ และความเป็นคน  มาให้อ่านกัน

“เป็นมนุษย์หรือเป็นคน

 
เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน          ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา

ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ           ถ้ามีครบควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูกพูดถูกทุกเวลา          เปรมปรีดาคืนวันสุขสันต์จริง

ใจสกปรกมืดมัวและร้อนเร่า        ใครมีเข้าควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิดจิตประวิง        แต่ในสิ่งนำตัวกลั้วอบาย

คิดดูเถิดถ้าใครไม่อยากตก          จงรีบยกใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูงเสียได้ก่อนตัวตาย          ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเอย
พุทธทาสภิกขุ


Monday, 16 July 2012

นายอำเภอธนพล อันติมานนท์ มนุษย์ดีที่กลับไปแล้ว

แด่...นายอำเภอธนพล อันติมานนท์  มนุษย์ดีที่กลับไปแล้ว

by meepole

เช้านี้ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านนายอำเภอธนพล อันติมานนท์ (นายอำเภอแก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ)จากท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งด้วยความตกใจ เสียใจ เสียดาย หลายๆอย่างประดังเข้ามา พร้อมคำถามว่าทำไม ทำไม ทำไม .........มากมาย เพราะท่านเป็นข้าราชการเพียงไม่กี่คนที่ meepole ยอมรับในความเป็นข้าราชการที่ดี ซื่อตรงในหน้าที่ ตรงไปตรงมา มีศักดิ์ศรีของข้าราชการเต็มเปี่ยม ไม่ตามน้ำเน่า น้ำเสีย น้ำเงิน (เป็นคนหนึ่งที่เวลาจะพูดว่าข้า......ชั่ว ต้องชะงักเพราะจะมีคำยกเว้นให้ท่านคนหนึ่งเสมอ)

แม้ไม่ได้สนิทแบบที่จะไปมาหาสู่ตลอดเวลา แต่การที่รู้จักกันเพราะท่านก็เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เจ้าคณะภาค 16 มาเป็นเวลามากกว่าสิบปีอาจจะเกือบยี่สิบปี จึงได้เห็น ได้เจอ และร่วมกิจกรรมในโอกาสต่างๆด้านศาสนา ได้รับรู้พูดคุยเรื่องราวต่างๆในประสบการณ์งานของท่านเป็นระยะ เคยเดินทางร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ไม่ว่าจะย้ายไปจังหวัดไหนก็ยังคงมีโอกาสได้เจอกันเมื่อโอกาสต่างๆมาถึง ท่านมักพูดคุยกับสามีของ meepole มากกว่า ล่าสุดครั้งสุดท้ายที่ได้คุยคือเมื่อประมาณต้นปีนี้ที่ท่านโทรมา เพื่อให้คุณครูแป้ด (ภรรยาท่านที่ก็คุ้นเคยกัน) ได้สอบถามเรื่องการเลือกเรียนต่อของลูกศิษย์ เป็นคนที่มีน้ำใจ เอาใจใส่ทุกข์สุขของชาวบ้าน บริวาร ลูกน้อง เพื่อน และได้ปฎิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี มีชีวิตสมถะ....เคยแอบคิดว่าหากท่านได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดใด นับว่าเป็นโชคดีของจังหวัดนั้น ในฐานะที่เป็นพลเมือง แต่ที่เป็นข้าราชการด้วยกันคงคิดตรงกันข้าม เพราะยุคสมัยนี้เป็นยุคผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลักและต้องมาก่อน ..ที่ต้องแอบคิดเพราะรู้ว่าโอกาสที่ท่านจะได้ก้าวหน้ามากขนาดนั้นเป็นไปได้ยากในเส้นทางการปกครองสายนี้ ในความเป็นคนตรง ซื่อตรง รักศักดิ์ศรี ทะนงในความถูกต้อง.......แต่ meepole เชื่อว่าท่านมีความสุขในทุกอย่างที่ท่านเป็น เพราะท่านภูมิใจกับการแก้ปัญหาสารพัดทุกข์ของชาวบ้าน การปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง มีผลงานจนเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านและผู้ร่วมงาน และรักท่านในที่สุด

ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในชีวิตการทำงาน การครองเรือน และการครองตน มีครอบครัวส่วนตัวที่ดี การเสียชีวิตของท่านสำหรับคนในครอบครัวคงเหมือนขาดเสาหลัก ขาดกัลยาณมิตรที่ดี เป็นความสูญเสียที่ไม่อาจกลับคืน meepole เชื่อว่าการเสียชีวิตของท่านนำความเสียใจ อาลัย เสียดาย มาสู่คนดีๆที่ได้ทำงานร่วมและคนที่รู้จักท่านอย่างดี แต่การตายของท่านสำหรับความรู้สึกของ meepole นั้นไม่น่ากลัว เพราะท่านมีความดีที่สะสมไว้มาตลอดหนุนส่งเสริมให้ท่านไปสู่ภพภูมิที่สงบสบายในที่สุด และท่านจะอยู่ในใจเสมอ

สำหรับประเทศเราเสียข้าราชการที่เป็นที่พึ่งได้จริงของประชาชน ทำงานทุ่มเท ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยจริงจังในหน้าที่ เราเสียคนที่ทำงานให้กับประเทศอย่างสมศักดิ์ศรีข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน แม้ท่านเป็นนายอำเภอที่ไม่ได้โด่งดังมากมายแต่สิ่งดีๆที่ได้ทำสะสมมาตลอดชั่วชีวิต ในฐานะข้าแผ่นดิน หัวหน้าครอบครัว และพุทธศาสนิกชนที่ดี จะเป็นพละส่งให้ดวงวิญญาณของท่านได้ไปสถิตในภพภูมิที่ดี มีสุคติเป็นที่ตั้ง และกุศลใดที่ครอบครัวของ meepole ได้ทำมาขออุทิศให้ท่านได้สู่ภพภูมิที่ดี หลับให้สบายค่ะ ท่านได้กลับไปพักผ่อนเสียที  เพราะในชาติภพนี้ท่านได้ทำหน้าที่และปฎิบัติตนได้คุ้มค่าแก่การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง

โททนต์เสน่ห์คง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ด้วยความเคารพและอาลัยยิ่ง... ผศ.ดร.meepole และครอบครัว

กำหนดการพระราชทานเพลิงศพ


ภาพข่าว: 12 มี.ค. 55 เวลา 14.00-16.00 น. นายธนพล อันติมานนท์ นายอำเภอแก้งคร้อ นายนิวัฒน์ สุพจิตร ปลัดอาวุโส และคณะมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม


นายธนพล อันติมานนท์ นายอำเภอแก้งคร้อ พบเพื่อนครูมอบนโยบายการดำเนินการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษาของอำเภอแก้งคร้อ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.
 ณ ห้องประชุมโรงเรียนชุมชนบ้านแก้งคร้อหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
  อ่านเพิ่มอีกได้ที่  แด่นายอำเภอธนพล อันติมานนท์


ร่วมส่งท่านสู่สุคติ http://meepolen.blogspot.com/2012/07/blog-post_21.html (21 กค.)
หัวข่าว: นอภ.แก้งคร้อซิ่งรถหลับใน ตกข้างทางดับ
 (หมายเหตุ: นักเขียนข่าวคงอยู่ในที่เกิดเหตุจึงเขียนว่า” ซิ่งรถ” หากท่านไม่ได้ “ซิ่ง” อันหมายถึงขับรถเร็วมาก ก็เป็นบาปเคราะห์ติดตัวแก่ผู้เขียนข่าว จริงๆการเขียนข่าวไม่จำเป็นต้องเสนอแบบเพิ่มเติมใส่สีสรรมากเกินจริง เขียนตามปกติ เช่น ขับรถหลับใน ก็น่าจะเป็นความรู้สึกที่ดีกว่า)
ที่มาข่าว: http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=641321&lang=T&cat=&key=
http://77.nationchannel.com/video/262586/

Tuesday, 10 July 2012

รู้จักคิด...สักนิดก็ยังดี






ข่าวชาวสเปนกลุ่มจังก์ฟู้ด นับ 30 ราย ต่างแห่กันไปเก็บผักผลไม้ที่ทิ้งอยู่ในถังขยะเช่น มะเขือเทศ แครอท กล้วย กะหล่ำ ผักคึ่นฉ่าย แอปเปิ้ล ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่ถูกนำมาทิ้งทั้ง ๆ ที่ยังดูสดและทานได้ทั้งนั้น พวกเขามาปรุงอาหารทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมการทานอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ
หลังจากที่เห็นว่า ร้านอาหารและบ้านเรือนหลายแห่งในสเปน มักจะทิ้งเศษผักผลไม้ที่ยังทานได้และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ลงถังขยะ เพราะพวกเขาซื้อมันมามากเกินไป ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงการบริโภคอย่างฟุ่มเฟือย และไม่ใช้วัตถุดิบที่มีให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยสมาชิกในกลุ่มจังก์ฟู้ดรายหนึ่งได้ให้ข้อคิดว่า

"เราไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติให้บริโภคกันได้อย่างไม่จำกัด เราก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง โลกใบนี้มีคนตั้งมากมายมหาศาล"


อ่านแล้วสะท้อนใจ คิดถึงหลายๆประเทศที่ล้วนมีทั้งคนที่อดหยาก หิวโหย และคนที่มีกินแบบทิ้งขว้างได้ไม่เสียดายโลกนี้สุดโต่งกันจริงๆ บางคนก็ยังดีทานเหลือก็ยังคิดถึงบริวารให้เก็บกลับ ไม่ทิ้งขว้าง จริงๆแล้วเพียงแต่เราหยุดเอาใจใส่สิ่งเล็กๆน้อยๆ ด้วยใจที่อ่อนโยนเราจะมีความเอื้ออาทรต่อกันในสังคม ไม่ทิ้งขว้างอาหารโดยไม่จำเป็น หรือไม่รู้สึกอะไร เพราะถือว่าจ่ายเงินแล้ว ของนั้นจะเอาไปทิ้งไหนต่อก็ไม่สนใจ เพราะไม่มีเวลาสนใจ หลายครั้งที่เราพูดสอนเด็ก บอกคนที่บอกได้เสมอว่า เมื่อเขาตักไก่ หมู กุ้ง หรือสัตว์ใดๆมาให้เราทาน หากเราทานหมดได้ก็ทานให้หมด อย่าเหลือทิ้งไว้มากมาย เพราะที่เรากินนั้นก็คือชีวิตเขาทั้งชีวิต ทิ้งขว้างชีวิตเขาอย่างไม่เกิดประโยชน์ เช่น ฆ่าไก่ 1 ตัวตาย กินเพียงน่อง ปีก นอกนั้นเหลือทิ้ง (เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ) เขาสละทั้งชีวิต เราใช้แค่นั้นมันไม่คุ้ม ....ผักผลไม้เหลือทิ้งมากมายในงานเลี้ยง เสียดายจริงๆ

ภาพ-ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/73483