Tuesday 18 October 2011

เลิกความอยากลอง เพื่อลดบาปกรรมกันเถอะ



เมื่อเช้าเข้าไปอ่านในสังคม social network สังคมความรู้ แห่งหนึ่งเจอหัวเรื่องที่มีคนเขียนไว้ ว่า

เนื้อจระเข้   อร่อยจริงๆค่ะ ตอนที่เห็นหัวข้อนี้ นึกว่าล้อเล่น เลยลองเข้าไปอ่าน ปรากฏว่าเป็นจริง มีการขายเนื้อจระเข้ปิ้งเสียบไม้ มีการโชว์หัวจระเข้ที่ถูกตัดมาด้วยเพื่อยืนยันว่าเป็นของจริง
แปลกใจหลายประเด็น หลายมุมมองเกิดขึ้นในใจ และก็คิดว่าเป็นเรื่องนาๆจิตตัง บางคนอ่านแล้วไม่คิดอะไร  ได้ประสบการณ์แล้วก็จบ บางคนก็คงคิดว่าถ้าได้ไปที่นั่นก็คงลองหากินดู เพราะคนเขียนบอกว่าอร่อย โชว์ให้ดูด้วย (ไม่ขอบอกว่าสถานที่ไหนเพราะไม่สนับสนุน)  และคงมีบางคนที่รู้สึกเหมือน meepole คือเศร้าใจ ทั้งเรื่องของจระเข้ และคน meepole ยิ่งเห็นเอารูปหัวจระเข้ที่ถูกตัดห่อพลาสติกมาตั้งก็ยิ่งเศร้าใจ

เมื่อจำความได้ตอนเป็นเด็ก ทุกคนกินอาหารตามคนในครอบครัว เขาทำอะไรให้ก็กิน เมื่อโตขึ้นก็รู้จักเลือกซื้อหาของที่ชอบ เมื่อวัยทำงานมีเงินมากขึ้นเริ่มซื้อหาของที่ชอบ ของที่คนอื่นบอกว่าอร่อยมาลอง เมื่อสังคมกว้างขึ้นอีกก็เจอคนมากมายเพื่อนฝูงจากที่ต่างๆบางคนก็อยู่ในกลุ่มกินเหล้ากินเบียร์ ก็เริ่มกินกับแกล้มมากกว่าอาหารหลัก และแน่นอนมีสารพัดให้เลือก บางคนนิยมเนื้อแห้ง เนื้อสัตว์แดดเดียว และก็สารพัดสัตว์ป่าเก้ง กวาง ฯ จำไม่ได้หมดเพราะไม่คิดจะจำแต่เคยเห็นเขียนไว้ตามหน้าร้านอาหารป่า  บางคนเข้ากลุ่มชอบลาบ ก้อย สารพัดผัดเผ็ดกระทั่งเต่าผัดเผ็ด เข้าใจว่าคนมักจะคิดว่าสัตว์เกือบทุกชนิด จริงๆก็ทุกชนิดเป็นอาหารของมนุษย์  ที่เขาบอกไว้ว่า หมู หมา กา ไก่ กินได้ทั้งนั้น  แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยมียกเว้นกัน เพราะหากมีโอกาสลองกินได้ทำไมจะไม่ลองล่ะ ! (ทำไมไม่คิดบ้างนะว่ามีโอกาสละได้ ทำไมไม่ละ) ดังนั้นเราจึงเห็น ได้ยินเป็นเรื่องปกติในยุคนี้ที่ทำฟาร์มจระเข้กินเนื้อ ได้หนัง  ฟาร์มนกกระจอกเทศ   กวาง และอื่นๆอีกมาก

สิ่งที่เขียนต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ทบทวนแล้วไม่เสียหายและอาจช่วยการลดกรรมได้จึงเขียน แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเชื่อ ขอให้พิจารณาตามความสะดวก สบายใจของแต่ละคนที่เข้ามา หากเกิดประโยชน์กรุณานำไปบอกคนที่ท่านรักและรักท่านเถิด

meepole โชคดี ที่มีครูดี และอยู่ไกล้ชิดผู้ทรงศีล ไม่ว่าไปเรียนที่ไหน ไปอยู่ที่ใดก็จะหาผู้มีศีลธรรม ผู้ปฎิบัติเป็นกัลยาณมิตร เป็นผู้สนทนาด้วยเสมอ แม้จะจำเป็นการเฉพาะไม่ได้ว่าเรื่องไหนใครสอน ใครบอก แต่จะจำสิ่งดีๆ คำสอนเอาไว้เสมอเพื่อไว้เตือนสัมปชัญญะ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เคยมีผู้ใหญ่สอนแนะนำ meepole ไว้ว่า อย่าไปกินสัตว์ที่ไม่ใช่อาหารปกติของเรา อย่าก่อกรรม ติดหนี้ชีวิตมากขึ้น เบียดเบียนเขา ชีวิตก็ร้อน และไม่ควรไปชี้เลือกจะเอาปลาในบ่อ ในตู้ตัวไหนไปเผาหรือต้ม แน่นอนก็มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของ meepole ในขณะนั้น และคงในใจผู้อ่านเช่นกัน เช่นแล้วกินหมู วัว ไก่ เป็ด กุ้ง หอย ปู ปลาไม่บาปหรอกหรือ ? จริงๆก็บาป แม้ว่าเราจะบอกว่าเขาเกิดเป็นอาหารของเรา แต่ถ้าสัตว์พวกนั้นพูดได้เขาก็คงปฏิเสธ เพราะชีวิตทุกชีวิตย่อมมีค่าสำหรับเจ้าของชีวิตเสมอ ไม่มีสัตว์ใดอยากจะถูกฆ่า หากสิงห์โตมีมากมายในโลกแล้วลุกขึ้นมาพูดว่าคนเป็นอาหารของมัน เราก็คงไม่ยอม ขอขยายความว่าสัตว์ป่าอื่นๆที่นอกเหนือจากที่เรามีตามปกติที่กินแบบบ้านๆตอนเด็กๆแล้ว เราก็ไม่ควรไปขวนขวายหามากิน เช่น เต่า ตะพาบ กวาง เก้ง กะรอก สารพัดงู กิ้งก่า ตุ๊กแก บางชนิดก่อนที่คนจะได้กินถูกปรุงมาอย่างทรมาน ถลกหนังตอนยังเป็นๆ ฯ สารพัดทรมาน ทุกชีวิตดิ้นรนเพื่อรอดชีวิต หากเราเพียงคิดจะไม่กินมัน อดใจ ไม่กินเขาเราไม่ตาย  ใครทำได้หรืออยากทำ ก็ค่อยๆเริ่มจากการลด จำกัดชีวิตที่เราจะกินเขา เช่นลดกินสัตว์บก (สามีเริ่มทำเช่นนี้ และตอนนี้เหลือแต่ปลาแล้ว และกำหนดมังสวิรัติมื้อเย็นหนึ่งมื้อ) ใครสะดวกประการใด เริ่มทำเถิด

ไม่ใช่ว่า meepole จะไม่เคยรู้สึกอยากลอง ก็เคยครั้งเดียวในชีวิตตอนชั้นมัธยมต้น ลองกินขากบทอด ที่เพื่อนก๋งสั่งมาให้กินในภัตตาคารที่กรุงเทพเพราะเห็นว่ามาจากบ้านนอก หยิบกินขาเดียวด้วยความอยากลองในวัยเด็กแล้วจำความรู้สึกได้อย่างเดียวว่า ไม่รู้ถึงรสชาดเพราะไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าทำไม  แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ถูกสอนเรื่องนี้ และก็ไม่กินอีก หลังจากนั้นแม้ได้มีโอกาสที่จะกินอาหารสัตว์แปลกๆก็ไม่คิดจะกิน หรือแม้แต่จะลอง เพราะไม่อยากจะเป็นหนี้ชีวิตพวกเขา  ลดกิเลสได้ก็ค่อยๆทำ ไม่อยากก่อ และต่อกรรม กระทั่งไม่ควรบอกต่อหรือแม้จะสนับสนุนเรื่องเช่นนี้ ต่อกรรมไปทำไม 

 อันนี้ใครจะคิดว่า meepole คิดมากไปเอง ก็น้อมรับเพราะคิดเช่นนั้นจริงๆ และคงไม่เปลี่ยนความคิด เพราะไม่เสียหายอะไรที่คิดเช่นนี้ (เพียงแต่อดกิน หุ หุ)

ที่เขียนนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะตำหนิใครทั้งสิ้น เพราะกรรมใครก็เป็นของผู้นั้น ทุกข์สุขย่อมเป็นของผู้ได้กระทำกรรม แต่การไม่รู้ ไม่คิดไม่ใช่เหตุละเว้นการเกิดกรรม ดังนั้น meepole จึงขอเขียนอีกมุมมองและถ่ายทอดสิ่งที่เคยได้รับการเตือนสติ สั่งสอนจากครูอาจารย์ และผู้ทรงศีล และคิดว่าหากมีประโยชน์เกิดกับท่านใดและนำไปเป็นแนวทางในการลด ละ เลิก เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้มากเท่าใด ก็จะบังเกิดกุศลต่อชีวิต จิตจะเป็นสุข เย็นสบายจริงๆค่ะ แล้วเราไม่ต้องวุ่นวายไปกับการแก้กรรมใดๆ เพียงแค่รู้จักละ ลดการก่อกรรมชีวิตก็เกิดสุข
ที่มาภาพ :all-magazine.com
thaimisc.pukpik.com   dhammathai.org