Saturday 29 October 2011

น้ำท่วม: บทเรียนชีวิตจริง

ทหารไทย รั้วของชาติ คนของแผ่นดิน


ตอนนี้กรุงเทพก็แย่มาก น้ำท่วมแผ่กระจายไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำเขามีชีวิต ยกพลขึ้นบก โจมตีบุกไปเรื่อยๆ เสมือนหนึ่งโกรธแค้นคนมานาน ที่ไม่เกรงใจไปรังแกเขา ไปบุกรุกที่ๆเขาเคยอยู่ ไปถมที่ๆเขาเคยพัก ไปขวางเส้นทางที่เขาเคยจร สร้างเป็นโรงงาน เป็นหมู่บ้าน ถมเป็นที่รอขายมากมาย และที่ร้ยกว่านั้นคนไปรังแก ทำลายเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของน้ำคือ ต้นไม้ ไปตัดไม้ทำลายป่า น้ำขาดผู้โอบอุ้ม ขาดความอบอุ่น จึงไม่มีใครจะเหนี่ยวรั้งเขาได้ เลยเข้าโจมตี แสดงพลัง จากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่งบุกไปเรื่อยๆ แม้เจอที่กีดขวางหลายสิ่งก็ไม่ย่อท้อ ทัพหน้าตะลุย ทัพหลังตลบหนุนมาเรื่อยๆ เจอด่านหลายด่านที่คนทำไว้ดักน้ำ ที่ล้วนผ่านกาลเวลาที่ผ่านมานาน ไม่เคยตรวจตรา บำรุงดูแล ไม่รู้ว่าชำรุดหรือไม่ ไม่สำรวจว่าแข็งแรงหรือไม่ อยู่ด้วยความประมาท น้ำผู้ทรงพลังเย็นแต่แต่ไม่เฉื่อย และสามัคคีรวมพล สั่งงานประสานสามัคคี

เมื่อเข้ากรุงจึงกระจาย แบ่งสายออกไปทั่ว ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ ตอนนี้คนหลายฝ่ายต่างก็ออกมาทำหน้าที่ปกป้องในทุกรูปแบบ ตามแต่บทบาท หน้าที่ที่รับผิดชอบ และอีกหลายฝ่ายก็ได้โอกาสที่ดีที่จะใช้โอกาสวิกฤตนี้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่งดงามในการช่วยเหลือกัน ตามแต่โอกาสและก็ได้แต่หวังว่าเมื่อเขาท่องเที่ยวกวาดล้างจนพอแล้ว เขาจะกลับไปยังที่ๆเขามาอีกครั้ง พร้อมกับเหลือร่องรอย และบทเรียนอีกมากมายทิ้งไว้ให้ศึกษา ทิ้งปัญหาให้ต้องแก้ไข ปรับปรุง จัดการ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนจะได้เรียนรู้อะไรจากบทเรียนครั้งนี้บ้าง

หากเราไม่โทษน้ำ ไม่โกรธน้ำ เราจะเห็นจุดบกพร่อง และความผิดที่เราไปเบียดเบียนเขามานานแสนนาน เขาได้พยายามส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่ใส่ใจ คิดว่าคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสมองและจัดการทุกอย่างได้ ไม่ยำเกรงธรรมชาติคิดประมาทว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้

ดังนั้นบทเรียนชีวิตครั้งนี้ หวังว่าคงไม่คำนึงเพียงแค่การคำนวณออกมาเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียเพียงอย่างเดียว เพราะหากเรายังมองสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของมูลค่าตัวเงิน ก็หมายความว่าเรายังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย