"อย่าเข้าใจผิดคิดว่าการแสดงธรรมเป็นเรื่องของพระสงฆ์เท่านั้น....แม้การบริจาคทุนทรัพย์ในการพิมพ์หนังสือธรรมะ การแนะนำสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงธรรม ฯ... จัดเป็นบุญข้อนี้ทั้งสิ้น" ลองติดตามค่ะ :)
การแสดงธรรมเป็นบุญประการหนึ่ง และทำให้พระศาสนาดำรงมั่นมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะมีการแนะนำสั่งสอนสืบต่อกันมา เราทุกคนที่เข้าใจพระพุทธศาสนาอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะได้อาศัยครูบาอาจารย์ หรือ พ่อแม่แนะนำสั่งสอน หรือ อ่านหนังสือธรรมที่ท่านผู้รู้ธรรมได้แต่งหรือเขียน หรือรวบรวมไว้
การแสดงธรรมนี้ จัดเป็นทานอย่างหนึ่ง เรียกว่า "ธรรมทาน" เป็นทานที่มีผลมากกว่าทานทั้งปวง ดังพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
"สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้พระธรรมชนะการให้ทั้งปวง”
ทั้งนี้ก็เพราะว่าคนจะให้ทานก็ดี จะรักษาศีลก็ดี จะเจริญภาวนาก็ดี ก็ต้องอาศัยได้ฟังธรรมมาก่อน เขาจึงได้ทำบุญประเภทอื่น ๆ ถ้าไม่ได้ฟังธรรมมาก่อนแล้ว คนจะไม่ทำบุญอันใด แม้ใครจะทำบุญบ้างตามอัธยาศัยของตน แต่บุญนั้นก็มีผลน้อยเพราะทำไม่ถูกวิธี เพราะขาดผู้แนะนำสั่งสอน
การแสดงธรรมที่จัดว่าเป็นบุญนั้น ไม่ได้มีเพียงพระภิกษุสามเณรเท่านั้นที่แสดงได้ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ย่อมแสดงได้ หรือทำบุญข้อนี้ได้ทั้งสิ้น
บุญอันเกิดจากการแสดงธรรมนั้น ไม่ใช่การพูดอย่างเดียว แม้การเขียนหนังสือธรรมะ การพิมพ์หนังสือธรรมะ หรือการให้ทุนในการพิมพ์หนังสือธรรมะออกเผยแพร่ก็จัดเข้าในบุญข้อนี้ทั้งสิ้น
แม้การบริจาคทุนทรัพย์ในการพิมพ์หนังสือธรรมะ หรือซื้อหนังสือธรรมะ หรือพระไตรปิฎกถวายพระ ถวายไว้ประจำวัด หรือแจกคนทั่วไป ก็จัดเป็นธรรมทาน คือ บุญอันเกิดจากการให้ธรรมะเป็นทานได้เช่นกัน
แม้การแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ลูกหลาน หรือญาติมิตรให้เข้าถึงธรรม ให้ประพฤติธรรม ให้รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ก็จัดเป็นบุญในข้อแสดงธรรม การที่พ่อแม่แนะนำสั่งสอนลูกให้ประพฤติดี หรือพี่แนะนำน้อง เพื่อนแนะเพื่อนให้ละชั่วประพฤติดี ก็จัดเป็นบุญข้อนี้ทั้งสิ้น
ในเวลาแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟังต้องตั้งใจให้ถูกต้อง ท่านว่าถ้ามีเจตนาหาลาภ หาเสียง ถือว่าเจตนาไม่ดี มุ่งที่ผลส่วนตัว จะไม่มีผลมาก แต่ถ้าตั้งเจตนาว่าเราจะแสดงธรรมไปเพื่อให้ผู้ฟังได้รู้เข้าใจถูกต้อง ให้มีสัมมาทิฐิ ให้ได้รับประโยชน์ ให้ได้พัฒนาชีวิตขึ้นไป ผู้ที่แสดงธรรมก็ได้บุญด้วย