Tuesday 24 January 2012

เงินโบนัส ..อย่าบั่นทอนตัวเอง


meepole ไปตรุษจีนบ้านสามีที่กรุงเทพ ระหว่างเดินทางก็อ่านหนังสือ "วิธีคิดตามหลักพุทธธรรม" ของท่าน ประยุทธ์ ปยุตโต ต่อจนจบเล่ม ตั้งใจว่าจะค่อยๆนำข้อคิดข้อเขียนที่มีประโยชน์มากในหนังสือนี้มาลงในบล็อกตามแต่โอกาสอำนวย  เปิดemail ที่ได้รับจากน้องดอกเตอร์รุ่นใหม่ (กลุ่มตัวเป็นไท ใจเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำง่ายๆ) ที่ส่งเรื่องกฎเกณฑ์ ระเบียบของกพร.มาให้ศึกษากัน เพราะตอนนี้มีคนตั้งข้อข้องใจสอบถามเรื่องเกณฑ์การให้โบนัส (ที่บอกว่า "ลับ" ) กันมากในมหาวิทยาลัย มีข้อสงสัยกระซิบถาม เรื่องลับ คือเรื่องเงินโบนัส ที่มีความแตกต่างกันมากตั้งแต่ในระดับรองอธิการกันเอง ที่มีตั้งแต่ 290,000 บาท -150,000 บาท ระดับบริหารรองลงมาก็ลดหลั่นจนถึงอาจารย์ที่เท่าที่เขาทราบกันก็ 8,000- 10,000 ต้นๆ ก็เป็นอะไรที่ meepole ได้รับฟังข้อคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์มาพอควร แต่ไม่ได้ตามข่าวนักแล้วแต่ใครจะมาพูดเล่าให้ฟัง เลยได้ทราบว่าอาจารย์ดอกเตอร์หลายๆคนที่ทำงานวิจัย สอน ทั้งป.ตรี โท ยังได้โบนัสน้อยกว่าแม่บ้านที่ทำความสะอาดตึก น้อยกว่าเจ้าหน้าที่ เลยมีคำถามว่าอจ.เหล่านั้นมีอะไรที่แย่มากกว่าแม่บ้านทำความสะอาดตึกหรือ??

 meepole เข้าใจความรู้สึกมากทีเดียว จริงๆแล้วมีอาจารย์อีกมากมายอยู่ในภาวะเดียวกับอจ./ดอกเตอร์ที่ขยันทำงานหลายๆคน เงินไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญมากนักในกรณีนี้ แต่ความกระจ่างที่เป็นเหตุเป็นผลและความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ต้องแสดง ไม่ไช่เรื่องลับ เรื่องนี้เกิดเพราะไม่คิดอะไรให้รอบคอบเพื่อส่วนรวมคิดแต่ผลประโยชน์ตัวและพวกพ้องให้ได้มากเป็นพอ ไม่มองเหตุผลอันควรเป็นให้รอบด้าน เลยเกิดเรื่องแบบนี้ที่เป็นเรื่องปกติของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่...สาวได้สาวเอามานานแล้ว meepole คิดว่าไม่ต้องไปทำอะไรหรอกเพราะไม่เห็นประโยชน์ว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมใครๆได้ อกุศลกรรมใครทำคนนั้นย่อมทุกข์อยู่แก่ใจ  แต่กระนั้น meepole ได้ตอบ mail กลับไปโดยใช้ข้อความจากหนังสือที่เพิ่งอ่านจบไปดังนี้

ข้อความต่อไปนี้อาจช่วยให้คำตอบได้บ้างกรณีเหตุปัจจัยอย่างเดียวกันอาจไม่นำไปสู่ผลอย่างเดียวกัน

"....ในทำนองเดียวกัน คนต่างคนทำความดีอย่างเดียวกัน คนหนึ่งทำแล้วได้รับการยกย่องสรรเสริญ เพราะเขาทำในที่ที่เขานิยมความดีนั้น หรือทำเหมาะแก่กาลเวลาที่ความดีนั้นก่อประโยชน์แก่คนที่ยกย่อง อีกคนหนึ่งทำแล้วกลับไม่เป็นที่ชื่นชม เพราะทำในที่ที่เขาไม่นิยมความดีนั้น หรือทำแล้วเป็นการทำลายประโบชน์ของคนที่ไม่พอใจ......."

อันนี้มาจากหนังสือวิธีคิดตามหลักพุทธธรรมของท่าน ประยุทธ์ ปยุตโต

ดังนั้นอย่าไปสงสัยอะไรเลย อะไรที่ "ลับ" ก็อย่าไปสงสัย อะไรที่ "เปิด" ก็อย่าไปเชื่อ ให้ดูที่ "คน"ในสังคมนั้น เมื่อรู้แล้วว่าเป็นเช่นใดก็อย่าไปให้ค่ามันมากนัก เพราะความจริง ความดี ความซื่อตรง ความซื่อสัตย์ สัจจะ ความมีคุณธรรม ศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่วัยเยาว์ ตั้งแต่ในครอบครัวที่มีพ่อแม่ปฎิบัติให้เห็นและหล่อหลอมกันมา กระทั่งครูที่อบรมสั่งสอน

เงินภาษีแผ่นดินเป็นเงินไม่ธรรมดา หากใครเบียดบัง หรือฉ้อโกง หรือคอรัปชั่นเชิงนโยบายเพื่อเลี้ยงชีวิตตนและครอบครัว ชีวิตก็ร้อนรน แตกแยก หวาดระแวง..ยากที่จะอยู่ได้อย่างสงบสุข อันที่จริงก็เห็นๆกรรมนี้ที่เป็นไปกันชัดเจนในบางครอบครัวในมหาวิทยาลัยแห่งนี้......ก็ไม่รู้ว่าที่เราเขียนตอบนี่จะทำให้สบายใจกันได้หรือเปล่า?


ดังนั้น อย่าไปจิตตกกับเรื่องเช่นนี้ อย่าให้เงินมาบั่นทอนตัวเอง แต่เอามาเป็นตัวยกระดับจิต ฝึกจิต ชีวิตเราดีชั่วไม่ไช่ให้ใคร (คนที่ไม่ดี) มาวัดมาตัดสินเราว่าดีหรือไม่ดี ถ้าเราทำดีแล้ว ชอบแล้ว ก็ดี คนชั่วตัดสินคนดีไม่ได้ และไม้บรรทัดคดก็ขีดเส้นตรงไม่ได้ (อันนี้ meepole เคยพูดกับอธิการบดี)


หมายเหตุ: เอกชนมีโบนัสให้เพราะมีผลกำไร แต่ราชการทำไมต้องมีโบนัส meepole ไม่เห็นด้วย สมัยก่อนไม่มีก็ทำงานกันได้ดี  เงินโบนัสที่ได้หากเอามาซื้ออุปกรณ์การศึกษาพัฒนานักศึกษาน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าตำน้ำพริกละลายแม่น้า และบั่นทอนหลายๆกำลังใจที่เขายังต้องการความยุติธรรมที่หาได้ยากยิ่งในสังคมของผู้อ่อนด้อยคุณธรรม