if I were in your shoes
เมื่อคืนได้คุยกับสามีเรื่องที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวาน เขาก็ย้อนถามว่าแล้วหากเป็น meepole จะทำอย่างไร เลยตอบแบบที่คิดไปว่า เป็นตัวของตัวเองแบบเดิม การทำงานต้องมีหลักการ และจุดยืน หากจุดยืนต้องเปลี่ยน(หุ หุ) แต่หลักการต้องไม่เปลี่ยน มโนธรรมในใจตนจะเป็นเข็มทิศชี้ทาง
ในโลกนี้ยังมีสีขาว ดำอยู่ แต่สำหรับหลายๆคนในปัจจุบันจะพูดหรือฟันธงว่ามัน ขาวหรือดำ ไม่ได้หรอก ยุคสมัยเปลี่ยนไป ยุคนี้มีแต่เทา แล้วแต่จะเทาอ่อน หรือเทาแก่ meepole คงเป็นคนดื้อ (แทนที่เขาจะมองว่านี่ก็เป็นจุดยืนที่เราเลือกแล้ว) หรือใครบางคนอาจว่า meepole ยังยึดมั่นถือมั่น ติดดี ก็น้อมรับกัน แต่จริงๆแล้ว อยากให้ลองพิจารณาข้อความนี้ดู
“ ชีวิตของเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ระหว่างความดีและความชั่ว หลายครั้งเรารู้ว่าสิ่งใดผิด แต่เราก็ฝืนมันไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องมีความตั้งใจที่มั่นคง มีรากที่มั่นคงในกุศล....”
ดังนั้นหากใครจะมีจิตที่มั่นคงเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกตามทำนองคลองธรรม ก็เป็นจุดยืนที่เลือกแล้ว เพราะ meepole ยังเชื่อว่า สีขาวคือความขาว สีดำก็คือความดำ หากขาวเจือดำแล้ว มันก็เป็นเทา ไม่มีวันเป็นขาว และดำเจือขาว มันก็ไม่ดำสนิทและคงต้องใช้ขาวมากหน่อยจึงเริ่มเทา และโลกนี้เรายังมี ดำ ขาว และเทา อยู่
การยืดหยุ่น การประณีประนอม การออมชอม การปรองดอง เป็นอีกประเด็นกับ ความถูกต้อง ความผิด จะถูกผิด ว่ากันไป ยอมรับสิ่งที่ทำ รับโทษในสิ่งผิดที่ทำไป แล้วตั้งต้นใหม่ เหมือนว่า ละชั่วก่อน แล้วจึงทำดี ไม่ไช่ ทำดีกลบชั่ว ดีไม่นาน
เราไม่อาจบังคับหรือขอให้ใครคิดและทำเหมือนเราได้ เพราะมักจะพูดกันว่า "ไม่เป็นเราเขาไม่รู้หรอก" "If you were in my shoes, what would you do ?" แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามความจริงคือ เราไม่ไช่จิ้งจก หรือต้นหญ้า เรามีปัญญาที่ทำให้เราเหนือสิ่งมีชีวิตอื่น แต่ปัญญานั้นต้องมีคุณธรรมกำกับ แล้วเราทุกคนจะเดินไปยังเป้าหมายที่ถูกต้องอันเดียวกัน
หมายเหตุ
หลักการ หมายถึง สาระสำคัญที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ
จุดยืน หมายถึง ความคิดแน่วแน่ ความมั่นคงในหลักการตามความคิด ความเชื่อของตน
"อุปสรรคสำคัญของการทำงานก็คือความท้อถอย และความหวั่นเกรงต่ออิทธิพลต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุบั่นทอนความสามารถในตน กับทั้งความเที่ยงตรงต่อหน้าที่อย่างร้ายกาจ จะต้องมีความรับผิดชอบ ความสุจริตเป็นธรรม ในการกระทำ คำพูด และความคิดเสมอ จะต้องรักษาความกล้า ความอุตสาหะ และความอดทนเสียสละมิให้เสื่อมถอย จะต้องระมัดระวังควบคุมสติความรู้เท่าทันเหตุการณ์ให้ได้ตลอดเวลา.."
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระราชทานเพื่ออัญเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓
"ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีเสียงกล่าวกันว่า ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม ความประพฤติที่เป็นความทุจริตหลายอย่างมีท่าทีจะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับ และสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดา สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฝืนคลื่นที่กล่าวนั้น
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่า ชั่วเสื่อมเราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดต่อธรรมะ เราต้องกล้า และบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่า เป็นความดีเป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริง ๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น ๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ"