Wednesday 4 May 2011

ช่างเถอะ เพราะใจอ่อน..เลยต้องอ่อนใจ

ช่างเถอะ! เพราะใจอ่อน..เลยต้องอ่อนใจ



พอไกล้แก่ไม่ว่า กระดูก เอ็น เส้นประสาท เป็นอันแข็งกระเดกไปหมด ขยับนิด ก้มหน่อย ก็ตึงไปหมด จะปลูกต้นไม้ใส่กระถางยังลำบากเลย ไม่ต้องพูดถึงจะตัดแต่งกิ่งไม้ ก็เลยต้องอาศัยคนมาช่วยตัดแต่ง และเดี๋ยวนี้ก็เหมือนกันหมด คนที่มาปลูกต้นไม้ตกแต่งสวนให้บ้านตอนแรกๆ อย่าไปหวังว่าจะมาช่วยตกแต่งให้หลังจากนั้นแล้ว ทุกบ้านโดนเหมือนกัน เพราะเขาเป็นพวกตกแต่งรับเงินเป็นหลักหมื่น แสนขึ้นไป (ของที่บ้านเกือบสองแสน)  ไม่ไช่ ตัดหญ้าแต่งกิ่ง ที่รับหลักร้อย พัน เคยเรียกแล้วรับปากก็หายจ้อย เราก็ไม่ไช่คนช่างตามตื้อ มองว่าถ้าจิตสำนึกของความรับผิดชอบมีก็ต้องมาตามที่รับปากไม่มาก็หาคนใหม่ ซึ่งก็ไม่ไช่ง่าย

แต่ในที่สุดมีคนแนะนำคนมา บอกว่ารับรองเรียบร้อยเป็นหลานอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งที่เราเองก็รู้จัก เลยคิดว่าดีได้คนเป็นญาติของคนรู้จัก คงไว้ใจได้  โทรนัดมาวันแรกให้ดูที่ทาง พร้อมบอกสรุปกับเขาว่า อยากตกแต่งยังไงให้สวยก็บอกได้เลย จัดการได้บ้านนี้ขอสวย เราคิดในใจว่าคงไม่ต่ำกว่า 50,000 สำหรับงานแรก  แต่ยังไม่พูดอะไร ขอทดลองใจ ทดสอบก่อน ให้เขาวาดแบบมาให้ดูคร่าวๆด้วยว่าจะจัดอย่างไร หายไป 4 วัน โทรศัพท์มาบอกว่าลูกป่วยเลยหายไป แต่อีกสองวันจะมา ก็บอกไม่เป็นไร อีกสองวันเขาพาคนมาตัดหญ้า เห็นแล้วตกใจ เพราะตัดหญ้าโดยใช้กรรไกรมือตัด แล้วสนามหน้าหลังจะตัดได้ยังไง กี่วันหมด แต่ก็ไม่พูดอะไร รอดู สามีบอกว่าน่าจะซื้อที่ตัดหญ้าให้เขาใช้นะ แต่เรายังไม่เห็นด้วย เขาเอาแบบร่างที่วาดมาให้ดูเห็นแล้วก็แปลกใจอีก เพราะเหมือนเด็กประถมที่เขียนรูปเล่น ไม่เหมือนช่างตกแต่งสวนที่ควรเป็น แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร ช่างเถอะ! ให้เขาลอง ระหว่างนั้นเขาก็โยกย้ายกระถาง เก็บกวาดใบไม้ จนเที่ยงขอไปทานข้าวบ่ายจะมาต่อ เราก็ต้องรอ เพื่อนนัดก็ออกไปไม่ได้ ปรากฏว่าจนเย็นก็ไม่มา เสียนัด งานก็ไม่ได้ เราก็ไม่ตาม คิดว่าช่างเถอะเขาคงติดธุระ (แต่ทำไมไม่โทรมาบอก)



ตัวอย่างรูปที่นายเอกเขาอุตส่าห์วาดมาให้ ไม่ต้องนึกอะไรจากภาพ เพราะไม่มีสเกลที่ถูกต้อง ทุกอย่างที่วาดขนาดไม่เป็นสัดส่วน ไม่จริงทั้งสิ้น ล่างซ้ายคือสระบัว  ส่างขวาคือบริเวณตั้งโต๊ะจีนที่มีอยู่แล้ว แต่เขาจะปลูกต้นไม้ล้อมเพิ่มซึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีที่ให้ลงต้นไม่ได้เลย แต่คิดว่าช่างเถอะค่อยๆพูด ให้เขาทำแล้วจะรู้เองว่าทำไม่ได้หรอก



หายไปอีก 4 วัน ก็มาอีกโดยไม่บอกล่วงหน้า บอกว่าทำเบอร์โทรเราหาย? มายืนที่หน้าบ้าน บอกว่าไปส่งลูกให้ไปอยู่กับยาย เราก็เงียบ แล้วก็ต้องให้เขาเข้ามาทำ เพราะเห็นใจเขาว่าพาคนมาด้วยอีก 1 คน คราวนี้เป็นผู้หญิง เอาไม้กวาดมากวาดใบไม้ เขาเอาแบบร่างที่เขียนเพิ่มให้ดู เห็นแล้วพูดไม่ออกอีก นึกว่าช่างเถอะ เดี๋ยวเราแก้แบบให้เอง นึกในใจว่างานนี้สงสัยต้องเขียนแบบเองจนได้ ก็พูดกับเขาด้วยประโยคเดิมคือทำในสวนนี้ให้ดูเรียบร้อยก่อนแล้วจะดูออกว่าตรงใหนที่ต้องตกแต่งเพิ่ม เขาชี้ว่าเขาออกแบบสระบัวมาให้ เราบอกไม่เอาสระบัว เคยมีเล็กๆแล้วก็ต้องถม เลี้ยงปลาด้วย หมาลงลุยทั้งปลาทั้งบัวตายเรียบ  เขาเอาหนังสือบ้านและสวนมา 3 เล่ม ให้ดู ก็บอกเขาว่าไว้ดูวันหลังก็แล้วกัน (จริงๆที่บ้านมีเป็นร้อยเล่ม)  แต่บอกเขาว่าทำได้แค่บ่ายโมงเพราะต้องออกไปตจว.ก็ให้เขาทำงานเราไม่ได้ออกไปดูจริงๆ เพราะไว้ใจ คิดว่าเขาคงจะพยายามทำอะไรที่คุยไว้คือตัดแต่งที่รกให้เรียบร้อย แล้วตกแต่งให้สวยไว้ทีหลัง พอไกล้บ่ายก็บอกเขา ว่าคงต้องเลิกงานก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ เพราะเขาตัดต้นไม้พวกเบิร์ด และไม้ต้นอ่อนริมสระกรวดหน้าบ้านจนเลอะ และทางเดินก็เดินไม่ได้ เราก็คิดว่าเขาทำงานมาสองวัน วันละ สองชั่วโมงได้งานน้อยมากจนไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี นอกจากรกวุ่นวายมากขึ้น เพราะโยกย้ายกระถาง ของอื่นๆวางเกะกะไปหมด แต่ช่างเถอะเห็นใจเขาว่าก็คงต้องมีค่าใช้จ่าย เลยก่อนออกไปเราให้เงินเขา 1,000 บาท บอกว่าเผื่อใช้จ่าย และเขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะมาเก็บต่อ ก็ OK

 จนบัดนี้ครบ 4 วันยังไม่มาเลย (เราไม่โทรตาม) เล่าให้เพื่อนสนิทหลายคนฟังทุกคนอุทานให้เจ็บใจเล่นเหมือนกันหมด ทำไมให้ก่อน? ทำไมเชื่อใจ? เห็นแบบนั้นเขาไม่ให้ทำกันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมต้องรีบให้เงิน? ทำไมให้เงินเยอะเกิน? สารพัดทำไม ??? สามีก็เลยได้พลอยร่วมกับคุณเพื่อนทั้งหลายด้วย (เพราะตอนให้เงินเขาก็ไม่รู้ เราก็ไม่กล้าบอก เพราะคิดตั้งแต่แรกว่าถ้าถูกเบี้ยวงานอีก จะได้ไม่เสียใจสองคน) ฟังแล้วเจ็บหัวใจ เสียค่าใจอ่อนอีกแล้ว เพราะเขาบอกว่าลูกไม่สบาย ก็เลยคิดว่าช่างเถอะช่วยกันก่อน

เมื่อวานสามีเลยทนไม่ได้เก็บกวาดต้นไม้เล็กๆที่อยู่ในสระกรวดเองไม่งั้นฝนตกจะเน่าและเก็บยากขึ้น วันนี้ตามให้ช่างตัดหญ้าเจ้าประจำมาทำ ภายในสองชั่วโมงเรียบร้อยสะอาดทั้งสวนหน้าและหลังบ้าน เฮ้อ!!! ไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกใจอ่อนเสียที ครั้งนี้ไม่ไช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน แต่เมื่อไหร่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะไม่ใจอ่อนอีกนะ จะได้ไม่ต้องอ่อนใจ

เตือนตัวเองมาตั้งหลายครั้งแถมเตือนคนอื่นเสียด้วย แต่พอถึงคราวตัวเองเชื่อใจคนง่ายๆ เสียใจทุกที นี่ขนาดหลบหลีกคนมากที่สุดแล้วนะ ยุคนี้จะหาคนดีๆที่สามารถจะเลี้ยงดู สนับสนุนคงไม่มีเสียแล้ว ช่างเถอะ!